หวังยุติขึ้นดอกเบี้ยหนุนดัชนี |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
คาด SET ปรับตัวขึ้นได้ จาก Sentiment บวก ของตลาดหุ้นสหรัฐจากความคาดหวังเฟดใกล้ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ย ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ดอลลาร์อ่อนค่า เป็นบวกต่อทิศทาง fund flow ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1570 และ 1580 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1540-1550 จุด ที่คาดยังเป็นจุดรองรับได้ |
ประเด็นสำคัญ |
• สหรัฐรายงานยอดค้าปลีก พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3%YoY สวนทางที่คาดว่าจะลดลง ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 2.62 แสนราย ทรงตัว WoW• ECB มีมติปรับขึ้น ดบ. 0.25% ตามคาด เป็นการขึ้นต่อเนื่องครั้งที่ 8 สูงสุดในรอบ 22 ปี โดย ดบ. รีไฟแนนซ์อยู่ที่ 4.00% ดบ. เงินกู้ 4.25% ดบ. เงินฝาก 3.50% ส่งผลค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 15 ปี• PBoC ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย (MLF) ครั้งแรกในรอบ 10 เดือน หลังแรงส่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอ• เนเธอร์แลนด์เตรียมหยุดการผลิตก๊าซฯ Groningen ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซฯ ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างถาวรในเดือน ต.ค. เนื่องจากผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริเวณดังกล่าว• กกต. เตรียมพิจารณารับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขต คาดว่าจะประกาศรับรอง ส.ส. ได้ 21 มิ.ย. นี้• กรมสรรพสามิตหนุนนำเอทานอลไปผลิตเป็น bio-based ethylene เพื่อผลิตพลาสติกชีวภาพ เตรียมเสนอ ครม. พืจารณามาตรการภาษี• กรมการขนส่งทางบกระบุ ม.ค.-พ.ค.2566 มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จดทะเบียน ทั้งสิ้น 32,450 คัน เพิ่มขึ้น 474% YoY• ปธ. FETCO เสนอแนะรัฐบาลใหม่ เพิ่มมาตรการดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ เพิ่มแรงส่ง ศก. ไทย หลังเงินทุนไหลออก เหตุไม่ใช่หลุมหลบภัยอีกต่อไป |
กลยุทธ์การลงทุน |
มอง SET จะผันผวนในกรอบ และมี Upside จำกัด หลังขาดปัจจัยสนับสนุน โดยแม้การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด แต่ Dot Plot ส่งสัญญาณปรับขึ้นต่ออีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี ทำให้ยังมองตลาดหุ้นไทยมี Upside จำกัด ควบคู่ไปกับความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนและสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยที่ล่าช้า จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนต่อเนื่อง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มอง SET ผันผวนในกรอบ แม้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐจะคงดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ Dot Plot ยังส่งสัญญาณปรับขึ้นต่ออีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี ทำให้ยังมองตลาดมี Upside จำกัด กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP และหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก KCE ONEE2. หุ้นเชิงรับหลังเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ต่อ เพื่อคุมเงินเฟ้อ เลือก BDMS BEMขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) และกลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และ 3) หุ้นที่เราแนะนำ Underperform หรือมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม (AAV SAWAD MST NRF) |
Daily Focus |
BCP ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาก๊าซฯ ในยุโรปที่ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากค่าการตลาดที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายสูงสุด รวมถึงน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มตามการเดินทางที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มีโอกาสเติบโตจากการซื้อกิจการ ESSO คาดได้ข้อสรุปใน 2H66OSP มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปกติ 2Q66 แรงส่งผลประกอบการคาดเป็นบวกต่อเนื่องไปใน 2H66 หนุนจากปริมาณขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนที่ลดลง นอกจากนั้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มอีกด้วย |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
Stock Note – IIG |