สวัสดีตอนเช้า - 7 มิ.ย. 2567 สัญญาณลบต่อเนื่อง ปัจจัยภายในกดดัน

7 Jun 24 9:00 AM

Slide139634b70-d06a-4ede-ba1a-acfc1eba27d1-20240911220107

สัญญาณลบต่อเนื่อง ปัจจัยภายในกดดัน

SET ปรับลงทำจุดต่ำใหม่ สร้างสัญญาณลบต่อเนื่อง จากปัจจัยภายในกังวลสถานการณ์ด้านการเมือง รวมถึงทิศทาง fund flow ไหลออก ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1320 และ 1310 จุด ส่วนการฟื้นตัวยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1340-1345 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านก่อนถึงเกิดสัญญาณรีบาวด์

ประเด็นสำคัญ

• ECB มีมติปรับลด ดบ. 0.25% ส่งผลให้ ดบ. เงินฝากอยู่ที่ 3.75% ขณะที่ ดบ. เงินกู้อยู่ที่ 4.50% ส่วน ดบ. รีไฟแนนซ์อยู่ที่ 4.25% โดยเป็นการปรับลด ดบ. ครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ ก.ย. 2562
• ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8 พันราย สู่ระดับ 2.29 แสนราย สูงกว่าตลาดคาด
• คกก. BOJ ระบุญี่ปุ่นอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของ BOJ ในปีหน้า หากการบริโภคยังคงซบเซา พร้อมเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับขึ้น ดบ. อีก
• IEA คาดการลงทุนในด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดทั่วโลกจะพุ่งแตะ 2 ล้านล้านเหรียญในปีนี้ ขณะที่มูลค่ารวมการลงทุนพลังงานทั้งหมดคาดจะเกิน 3 ล้านล้านเหรียญเป็นครั้งแรกในปีนี้
• Saudi Aramco ปรับลดราคาขายน้ำมัน (OSP) มายังเอเชียในเดือน ก.ค. เป็นครั้งแรกที่ปรับลดลงตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา สะท้อนความต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และอุปสงค์ที่ชะลอตัว
• Salesforce เตรียมเปิดศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ในกรุงลอนดอน 18 มิ.ย. แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของอังกฤษในฐานะศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับโลก
• สนพ. เตรียมเสนอแผนพลังงานชาติ PDP 2024 ฉบับใหม่เข้า ครม. พิจารณาใน ก.ย.นี้ โดยคาดว่าค่าไฟเฉลี่ยทั้งแผนจะไม่เกิน 4 บ./หน่วย

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบ โดยในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนใหม่และมีปัจจัยการเมืองกดดันบรรยากาศลงทุน ทำให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดี ยังคาดหวังแรงหนุนดัชนีจากผลประกอบการของ บจ. ไทยที่จะเติบโตดีขึ้นตั้งแต่ 2Q67 และปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้จะเป็นบวก อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิต พ.ค. ของจีนและสหรัฐคาดจะปรับตัวดีขึ้น หลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และการประชุมนโยบายการเงินของ ECB มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2562 ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดหุ้นไทยยังเปราะบาง จากความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีคาดหวังผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ไทยที่จะเติบโตดีขึ้นและปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้จะเป็นบวกช่วยพยุงดัชนีได้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้ YTD เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT) และ FOOD (TU BTG OSP)
2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก KCE SCGP PTTGC
3) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และสนใจหุ้น Small Cap. ซึ่ง 2Q67 คาดกำไรจะเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ และ Valuation ไม่แพง อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก AMATA AU KLINIQ TPAC TNP
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

Daily Top picks

BDMS คาดกําไรปกติปี 2567 จะเติบโต 13% YoY หนุนโดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับเป้าของบริษัทที่ 10-12% และจากความสามารถในการกำหนดราคา หนุน EBITDA margin หลังใช้กลยุทธ์เน้นให้บริการโรคร้ายแรงเพิ่ม กําไรปกติ 2Q24 คาดเติบโต YoY อย่างต่อเนื่อง แม้จะชะลอลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
PTTEP ได้ประโยชน์ตรงจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว หลังราคาหุ้นปรับลงตามราคาน้ำมันหลังการประชุม OPEC+ นอกจากนั้นยังเป็นหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง คาดกำไร 2Q67 ดีขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณการขายที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

บทวิเคราะห์วันนี้

BTS – Sentiment เชิงบวก vs. ความท้าทายหลัก
TU – เข้าสู่ระยะเติบโต

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Daily240607_T

Negative indicators with domestic pressure

Market today

The SET fell to a new low, prolonging the negative indicators on political concerns plus fund outflows. Next supports are at 1320 and 1310, while recovery is limited at resistance of 1340-1345. For a rebound signal, the index must break through resistance.

Today’s highlights

• The ECB voted to cut interest rates by 25bps, bringing the deposit rate to 3.75%, the lending rate to 4.50% and the refinancing rate to 4.25%. This is the first rate cut in nearly 5 years, since September 2019.
• The number of US initial jobless claims last week increased by 8,000 to 229,000, higher than market expectations.
• The BOJ committee said Japan may not be able to achieve its 2% inflation target next year if consumption remains sluggish. They also emphasized uncertainty about the timing of another interest rate hike.
• The IEA expects global investment in clean energy technologies and infrastructure to surge to US$2tn this year. Total energy investment value is forecast to exceed US$3tn for the first time this year.
• Saudi Aramco lowered its official selling prices (OSPs) for crude oil to Asia in July, the first reduction since February, reflecting efforts to gain market share and slowing demand.
• Salesforce plans to open an AI research centre in London on June 18, demonstrating confidence in the UK's potential as a global technology hub.
• Thailand's Energy Policy and Planning Office will propose a new national Power Development Plan (PDP) 2024 to the Cabinet for consideration in September, aiming for an average electricity rate not exceeding Bt4/unit throughout the plan.

Strategy today

In the short term, the SET is still fragile and range-bound. Domestically, the market lacks a catalyst and is being pressured by politics, keeping it underperforming the region. However, there will be some support from the expectations of better profit in 2Q24 and positive external factors, such as May manufacturing PMI in China and US, which is expected to recover after several rounds of stimulus, and the ECB’s first cut in interest rate since September 2019. Our strategy is “Selective Buy”.

Trading today

The Thai capital market is still fragile as political risk remains in play. However, there is support lying in expectation of growth in 2Q24 profit and in external factors to be reported next week. We recommend “Selective Buy” with four main themes:
1) Stocks whose 2Q24 profit is expected to grow YoY and QoQ, while valuations are attractive and who are players in industries that have been able to outshine the market YTD – ICT: ADVANC; Tourism: MINT; and Food: TU, BTG and OSP.
2) Stocks expected to benefit from recovery in manufacturing, especially in China, whose profit has touched bottom but whose stock prices are yet to respond appropriately - KCE, SCGP and PTTGC.
3) For high-risk takers and those interested in small-caps, we select companies whose 2Q24 profit is expected to grow YoY and QoQ, whose valuation is attractive and who pay regular dividends – AMATA, AU, KLINIQ, TPAC and TNP.
4) Tension has eased about the situation in the Middle East, leading Brent down to the lower bound of US$80-90/bbl, which is seen as an opportunity to hedge. For high-risk takers, we recommend an upstream oil stock – PTTEP.

Daily top picks

BDMS: 2024 core profit is expected to grow 13%, driven by 8% revenue growth which is compared to the company target of 10-12% in recognition of its pricing power and higher margin after adding services to care for more serious illnesses. 2Q24 core profit is expected to continue growing YoY, though it will slow QoQ on seasonal factors.
PTTEP: The company directly benefits from recovering oil price, coming back up after falling in tandem with oil price after the OPEC+ meeting. This is also a good hedge against risk from the conflict in the Middle East. Profit and balance sheet are strong. 2Q24 profit is expected to continue to grow as sales volume reaches a new high.

Today’s reports

BTS – Optimism vs. core challenges
TU – Entering a growth phase

Click here to read and/or download file Daily240607_E