สวัสดีตอนเช้า - 21 ก.ย. 2566

21 Sep 23 9:33 AM

Slide125f26024-d5be-4e78-9aad-4c5703f0b657-20240911151320

ผลประชุมเฟดกดดันตลาดต่อ

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาด SET ได้รับปัจจัยกดดันให้ปรับลงได้ต่อ หลังผลประชุมเฟด ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ และคงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานาน ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1500 และ 1490 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1515 และ 1520 จุด ตามลำดับ ด้านสัญญาณเทคนิคยังเป็นลบ และยังไม่พบสัญญาณรีบาวด์

ประเด็นสำคัญ

• Fed มีมติคง ดบ. ที่ 5.25-5.50% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้น ดบ. อีกครั้งในสิ้นปีนี้ และยังคงนโยบายการเงินเข้มงวดจนถึงปีหน้า ขณะที่เพิ่มเป้า GDP ปีนี้โต 2.1% จาก 1.0% ส่วนเงินเฟ้อปีนี้คาด 3.3% ปีหน้า 2.5% และสู่เป้าหมาย 2% ในปี 2569 ซึ่งช้ากว่าคาด• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าจะลดลงเพียง 7 แสนบาร์เรล ด้าน GS ระบุอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น และการขยายเวลาลดอุปทาน เกิดภาวะขาดดุลน้ำมัน คาดราคา Brent ปีหน้าที่ 80-105 เหรียญ/บาร์เรล• UK เลื่อนการห้ามใช้รถยนต์น้ำมันดีเซลและเบนซิน จากปี 2030 เป็นปี 2035 สอดคล้องกับแผนการของ EU ที่ต้องการให้รถยนต์ใหม่ที่ขายหลังปี 2035 ปราศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก• Bond Yield ไทย 10 ปีปรับขึ้นที่ 3.2% สูงสุดในรอบปี สมาคมตราสารหนี้ระบุมาจากภาวะพันธบัตรล้นตลาด ส่งผลเกิดแรงเทขาย• นายกฯ เศรษฐาหารือ Microsoft-Google วันนี้ เชิญชวนลงทุน Data Center ในไทย อีกทั้งประกาศบนเวที UNGA 78 ตั้งเป้าขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมายยั่งยืนหนุนลงทุนในธุรกิจสีเขียวจาก 1.25 เป็น 4.5 หมื่นล้านเหรียญ• กกพ. หารือ ปตท.-กฟผ. ลดค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 66 เหลือ 3.99 บาท/หน่วย โดยให้ ปตท. ปรับลดค่าก๊าซที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้าเหลือไม่เกิน 304.79 บ. ต่อล้านบีทียู ขณะที่ กฟผ. ให้รับภาระค่าไฟฟ้าคงค้างกว่า 1 แสนล้านบาทไปก่อน

กลยุทธ์การลงทุน

มอง SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1500-1540 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยในประเทศรอติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ต่างประเทศอยู่ระหว่างจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ นำโดย FED (21 ก.ย.) BoE (21 ก.ย.) และ BoJ (22 ก.ย.) ทั้งนี้ล่าสุด FED มีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่คาด BoE และ BoJ จะยังดำเนินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ภาพรวมบรรยากาศลงทุนยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และอยู่ระหว่างรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ อาทิ FED, BoE, BoJ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้1) หุ้นที่คาดได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (ลดค่าไฟและราคาน้ำมันดีเซล พักหนี้เกษตรกรฯ ยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน) อีกทั้ง 2H66 คาดกำไรจะเติบโต YoY หรือกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เลือก CPALL CRC OSP HTC AOT ERW KCE HANA2) หุ้น Top Picks กลยุทธ์การลงทุน 4Q66 เลือก AOT BCH CRC KCE KTB 3) หุ้นเก็งกำไรจากกำลังซื้อตะวันออกกลางที่ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น (ธีมปิโตรดอลลาร์) เลือก AH BH PTTEP BCPขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

Daily Focus

CRC แม้ 3Q66 คาดกำไรลดลง YoY จากยอดขายธุรกิจค้าปลีกที่ชะลอตัว แต่จะฟื้นตัวสู่ระดับที่ดีที่สุดของปีนี้ใน 4Q66 จากปัจจัยฤดูกาล ยอดขายธุรกิจค้าปลีกที่ดีขึ้น และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ขณะที่การเปิดตัวธุรกิจค้าส่งอาหาร “Go Wholesale” คาดมีผลกระทบจำกัดต่อกำไรKTB 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 22% YoY (NII สูงขึ้น) และ 2% QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, opex สูงขึ้น) ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 22%YoY อีกทั้งมองจะเป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัวมากที่สุดและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ

บทวิเคราะห์วันนี้

CRC – ความกังวลเกี่ยวกับร้านค้ารูปแบบใหม่สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว

FOMC meeting outcome pressures

Market today

The SET is expected to continue to be pressured down after the Fed signals one more raise in interest rate this year and that it will keep the rate higher for longer. Supports are at 1,500 and 1,490, while resistances are at 1,515 and 1,520. Technical indicators are still negative and there is no sign of a rebound.

Today’s highlights

• The Fed kept interest rate unchanged at 5.25-5.50% as expected, but signalled one more step up in the rate this year, and will keep monetary policy tight until next year. US 2023 GPD forecast is raised from 1.0% to 2.1%, with inflation in 2023 expected at 3.3% with 2.5% in 2024, returning to the to 2% target by 2026, slower than expected.• EIA reported a drop in US crude oil inventory of 2.1 MMbbl last week, more than the expected 0.7 MMbbl. GS said higher oil demand and supply cut extension led to an oil market deficit and expects Brent next year to be US$80-105/barrel.• The UK extended a ban on combustion engine vehicles from 2030 to 2035, in line with the EU policy of halting production of vehicles emitting greenhouse gas by 2035.• Thai 10-yr bond yield rose to 3.2%, this year’s highest. ThaiBMA said this is due to oversupply of bonds, causing selling pressure.• The prime minister is talking with Microsoft and Google today, inviting them to invest in data centers in Thailand and announced at the UNGA78 meeting that Thailand’s target investment in green business has been raised to US$45bn from US$12.5bn.• The ERC has talked with PTT and EGAT about charging Bt3.99/unit for electricity in Sep-Dec 2023. PTT will reduce the gas fee charged from electricity generation to not more than Bt304.89/mmBTU, while EGAT is asked to continue handling Bt100bn debt.

Strategy today

The SET is seen to move in a bound of 1,500-1,540 as lacking new catalyst to stimulate investment atmosphere. Domestically, follow the government additional stimulus package, while external factors are monetary policy meetings of central banks; Fed (Sep 21), BoE (Sep 21) and BoJ (Sep 22). Recently, the Fed keeps interest rate flat 5.25-5.00% as expected, while BoE and BoJ are expected to keep tightening stance. Our investment strategy is for "Selective Buy".

Trading today

Weekly portfolio: There is little on board to move the market as participants wait for the monetary policy meetings of three central banks, the Fed, BoE and BoJ. Our investment strategy is “Selective Buy” in themes with specific drivers: 1) Companies expected to benefit from the government stimulus packages (cutting electricity and diesel prices, pausing agricultural loans and visa-free entry for Chinese) and whose 2H23 profit is expected to grow YoY or pass bottom – CPALL, CRC, OSP, HTC, AOT, ERW, KCE and HANA. 2) Our 4Q23 top picks – AOT, BCH, CRC, KCE and KTB. 3) Stocks for speculation on better purchasing power in the Middle East as oil price rises (petrodollar theme) – AH, BH, PTTEP and BCP.In the medium term we recommend to be cautious on stocks that are expected to be affected by El Nino, which will erode purchasing power in the agricultural sector: Commerce (GLOBAL), Finance (MTC, SAWAD), Automotive (SAT, STANLY) and Food & Agriculture (CPF and GFPT).

Daily Focus

CRC: Although 3Q23 profit is expected to fall YoY due to a slowdown in the retail business, profit will recover in 4Q23 to the year’s highest on seasonality, improving retail business and lower electricity price. The launch of “Go Wholesale”, a food wholesaler, is expected to have little impact on profit.KTB: 3Q23 profit is expected to grow 22%YoY (higher NII) and 2%QoQ (higher NII, ECL and opex), while 2023 profit is expected to grow 22%YoY. The bank is seen to have the highest NIM growth and lower quality asset risk than other banks.

Today’s reports

CRC – Concern over a new format in the price

PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม Daily230921_T
PDF Click Daily230921_E