สวัสดีตอนเช้า - 13 มิ.ย. 2567 การฟื้นตัวยังถูกจำกัด

คาด SET การฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านบริเวณ 1325-1330 จุด โดยแม้เงินเฟ้อสหรัฐในเดือน พ.ค. ต่ำกว่าคาด แต่เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเหลือ 1 ครั้ง จากเดิม 3 ครั้ง ในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองยังกดดันดัชนี และทิศทาง fund flow ไหลออก ด้านแนวรับอยู่ที่ 1310 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1300 จุด

• Fed มีมติคง ดบ. ระยะสั้นที่ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด แต่ Dot Plot จนท. Fed ส่งสัญญาณปรับลด ดบ. 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลด ดบ. 3 ครั้งในการประชุม มี.ค. ที่ผ่านมา
• ดัชนี CPI พ.ค. ของสหรัฐ +3.3%YoY ทรงตัว MoM ต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนดัชนี Core CPI พ.ค. +3.4%YoY +0.2%MoM ต่ำกว่าตลาดคาด
• EU ประกาศแผนการตั้งกำแพงภาษี EV ที่ผลิตในจีนเพิ่มเติมจากภาษีนำเข้าที่มีอยู่แล้วอีกไม่เกิน 38% โดยจะเริ่มตั้งแต่ 4 ก.ค. นี้ ขณะที่จีนเตือนจะใช้มาตรการที่จำเป็นทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ตามกฎหมายของ ปท.
• กนง. มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง คง ดบ. นโยบายที่ 2.50% เป็นการคง ดบ. ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ 29 พ.ย. 66 คกก. มอง ดบ. ปัจจุบันเหมาะสมกับ ศก. ไทย ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและทยอยเข้ากรอบเป้าหมายใน 4Q67
• ก. พลังงานระบุหลังรับฟังความคิดเห็นร่าง PDP 2024 ประมาณการค่าไฟตลอดแผนเฉลี่ยที่ 3.8704 บ./หน่วย สัดส่วนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 51% ก๊าซธรรมชาติ 41% ถ่านหินและลิกไนต์ 7%
• ททท. อยู่ระหว่างหารือกับสายการบิน 11 ปท. ทำการตลาดกระตุ้นการเดินทางเพื่อดึง นทท. ให้ได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งตลาดระยะไกลต้องทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนลบ. ในช่วง 2H67
• ผลประชุม กกร. มีมติต่ออายุสินค้าและบริการควบคุมทั้ง 57 รายการใน 11 หมวดต่อไปอีก 1 ปี เพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างเรียบร้อยตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบาง โดยได้รับแรงกดดันจากประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% เช่นเดิม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ โดยเงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐและจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.50% แต่ปรับ dot plot ลดดอกเบี้ยในปีนี้เหลือเพียง 1 ครั้ง จากคาดการณ์เดิมที่ 3 ครั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

มองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้ YTD เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT) และ FOOD (TU BTG OSP)
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL CPAXT BJC MINT TU
3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก KCE SCGP PTTGC
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

AOT ราคาหุ้นปรับลง 11% จากจุดสูงสุดเมื่อ พ.ค. 67 เพราะถูกฉุดรั้งโดยตลาดที่อยู่ในภาวะ risk-off และการเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย มองราคาตลาดปัจจุบันสะท้อนประเด็นลบไปมากพอสมควรแล้ว ขณะที่คาดกำไรจะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY ต่อเนื่อง สอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมากขึ้น
KCE ระยะสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาทองแดงปรับลง ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติพลิกโต 44.7%YoY โดย 2Q67 คาดกำไรโต YoY และ QoQ จากคำสั่งซื้อค้างส่งที่แข็งแกร่งของ special grade PCB (HDI) ที่มีมาร์จิ้นสูง ส่วน 2H67 มองเข้าสู่ High Season และมาร์จิ้นดีขึ้นจากมาตรการลดต้นทุน

The SET is expected to still have limited recovery with resistance between 1325-1330. Although US CPI in May was lower than expected, the FOMC signaled there will be one-time interest rate cut compared to the previous of three times in this year. Domestically, politics still pressures the market and fund still flows out. A support is at 1310, and if the index falls below, it will have a next support at 1300. 

• The Fed kept short-term interest rates at 5.25-5.50% as expected by the market, but the dot plot signals from Fed officials suggest only one 25bps rate cut in 2024, compared to previous signals of three rate cuts in the March meeting.
• US CPI inflation in May was +3.3%YoY, unchanged MoM and lower than market expectations. Core CPI in May was +3.4%YoY and +0.2% MoM, also lower than expected.
• The EU announced plans to impose an additional tariff of up to 38% on EV produced in China, on top of existing import tariffs, effective Jul 4. China warned it will take necessary measures to protect its rights and interests under the law.
• The BoT voted 6-1 to keep the policy rate unchanged at 2.50%, the 4th straight hold since Nov 29, 2022. The committee views the current rate as appropriate for the economy, while inflation is expected to rise and return to the target range in 4Q24.
• The Ministry of Energy estimates the average electricity rate over the PDP2024 plan period to be Bt3.8704/unit, with a 51% clean energy, 41% natural gas, and 7% coal/lignite fuel mix for power generation.
• The Tourism Authority of Thailand is discussing with 11 airlines to boost marketing efforts to attract foreign tourists and meet the government's revenue target, with long-haul markets needing an additional 200,000 visitors in 2H24.
• JSCCIB meeting resolved to extend price controls on all 57 goods and services in 11 categories for another year to ensure smooth regulation

In the short term the SET remains fragile, hurt by increasing political turmoil, which will pressure the market to underperform the region. The MPC keep interest rate at 2.50% at its meeting this week. No boost is expected from outside the country, with US and China CPIs rise lower than expected and the FOMC keep its rate at 5.50% and adjust the number of interest rate cut to one time compared to the previous forecast of three times. Our strategy is “Selective Buy”.

The Thai capital market continues to feel the pressure of local political risk, leading it to underperform the region, while there is no new positive outside the country this week to counteract. We recommend “Selective Buy” with four main themes:
1) Stocks whose 2Q24 profit is expected to grow YoY and QoQ, with attractive valuations and who are players in industries that have been able to outshine the market YTD – ICT: ADVANC; Tourism: MINT; and Food: TU, BTG and OSP.
2) Stocks expected to benefit from the EURO 2024 football competition between June 14-July 14, 2024, - ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT, BJC, MINT and TU.
3) Stocks expected to benefit from recovery in manufacturing, especially in China, whose profit has touched bottom but whose stock price has yet to respond appropriately - KCE, SCGP and PTTGC.
4) Tension has eased about the situation in the Middle East, leading Brent down to the lower bound of US$80-90/bbl, which is seen as an opportunity to hedge. For high-risk takers, we recommend an upstream oil stock – PTTEP.

AOT: The stock price has fallen by 11% from a peak in May 2024 as being pulled by risk-off market and low season of tourism industry. In the present the stock price is seen to have already reflected most of negative, while profit is expected to continue to grow YoY, consistent with growing tourism industry.
KCE: In a short term the company is seen to get positive sentiment from declining copper cost. 2024 core profit is expected to grow by 44.7%YoY. 2Q24 profit is expected to grow YoY and QoQ from strong backlog order of special grade PCB (HDI) which has high margin, while 2H24 the company is seen to enter high season and will have higher margin from expense management.