การลงทุนหุ้นต่างประเทศ เหมาะกับใคร มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?

02 ส.ค. 2566;

3361

แชร์บทความนี้

เนื้อหาโดยรวม

ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ทั้งข้อดีในการลงทุนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมแนะนำว่าการลงทุนหุ้นต่างประเทศนั้นเหมาะกับใครบ้าง

การลงทุนหุ้นต่างประเทศมีข้อดีอย่างไร

"หุ้นต่างประเทศ" เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน เพราะสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับเหล่านักลงทุนเมื่อตลาดหุ้นในประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แต่หลายคนอาจยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาถึงการลงทุนประเภทนี้อย่างจริงจัง เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในปัจจุบันการลงทุนหุ้นในต่างประเทศนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายและสะดวก ซึ่งหากนักลงทุนคนไหนอยากรู้ว่าการลงทุนหุ้นต่างประเทศมีข้อดีและความเสี่ยงอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาบอกให้ได้รู้กันแบบครบจบ!

การลงทุนหุ้นต่างประเทศมีข้อดีอย่างไร?

กระจายความเสี่ยง

เนื่องจากในแต่ละประเทศมีภาวะทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป การลงทุนหุ้นต่างประเทศจึงสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงเมื่อหุ้นในประเทศได้รับผลกระทบ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงแรกที่สถานการณ์โรคระบาดเริ่มรุนแรงจนส่งผลให้สินทรัพย์ในตลาดมีการปรับตัวลดลง ในช่วงปี 2564 ผลตอบแทนจาก SET Index ซึ่งเป็นตลาดหุ้นในประเทศไทย มีการปรับตัวลงมาราว 35 % แต่ดัชนี MSCI World มีการปรับตัวลงน้อยกว่าซึ่งอยู่ที่ประมาณ 30% จะเห็นได้ว่าในสถานการณ์วิกฤตเดียวกัน ตลาดโลกกลับมีการปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นไทย ดังนั้นการลงทุนหุ้นต่างประเทศ จึงสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงได้ในสภาวะฉุกเฉิน อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสทางการเงินได้อีกด้วย

เพิ่มความหลากหลายด้านการลงทุน

เนื่องจากอุตสาหกรรมที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ตลาดหุ้นในประเทศไทยยังมีข้อจำกัดในเรื่องของความหลากหลาย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศที่เน้นการขับเคลื่อนด้วย New economy ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ตลาดการลงทุนมีความหลากหลาย เพราะมีทั้งหุ้นในกลุ่ม FinTech, Healthtech, หรือ AI ซึ่งประเทศไทยอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาตลาด และในระหว่างที่รอการปรับตัวของอุตสาหกรรมในประเทศ การกระจายหุ้นไปยังต่างประเทศเพื่อศึกษาการลงทุนกับ New economy จึงเป็นทางเลือกที่จะส่งผลดีในอนาคต

เข้าถึงธุรกิจระดับโลก

ธุรกิจใหญ่ ๆ หลายแห่ง ที่ทำกำไรได้มหาศาลและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องล้วนอยู่ในตลาดต่างประเทศทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Apple, Tencent, Tesla หรือหุ้นที่เกี่ยวกับ AI และ Semiconductor ซึ่งได้รับความนิยมในฐานะหุ้นสำหรับอนาคต เช่น INTC, Nvidia, AMD ซึ่งแน่นอนว่าการได้ลงทุนกับบริษัทชั้นนำของโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเหล่านี้ จะช่วยเสริมโปรไฟล์และทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนลง

การลงทุนหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ความเสี่ยงเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน

ในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ต้องมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อใช้สำหรับการลงทุนในประเทศปลายทาง ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลาตามค่าตลาดเงินตราของแต่ละประเทศ แต่นักลงทุนสามารถลดความผันผวนในส่วนนี้ได้ด้วยการทยอยซื้อเก็บไว้ เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน ดังนั้นจึงควรต้องหมั่นตรวจสอบและชั่งน้ำหนักความคุ้มทุนให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนที่ดึงค่าเฉลี่ยของต้นทุนให้สูงขึ้นจนเกินไป

ความเสี่ยงเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ

ในแต่ละประเทศย่อมมีสภาวะและนโยบายทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดภาพรวมของตลาดการลงทุนในประเทศนั้น ๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของนโยบายของการลงทุนในแต่ละประเทศอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง

ความเสี่ยงเกี่ยวกับภาษีอากร

หากกำไรที่ได้จากการลงทุนต่างประเทศเข้าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องถูกนำมาคำนวณเพื่อชำระภาษีด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีทั้งภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ อีกทั้งในต่างประเทศก็มีการเก็บภาษีจากการลงทุนด้วยอัตราและเกณฑ์ที่ต่างกันไป ดังนั้นการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องภาษีของหุ้นต่างประเทศที่ควรรู้ก่อนลงทุนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็จะช่วยให้สามารถวางแผนการลงทุนในระยะยาวได้อย่างรัดกุม และยังช่วยลดความเสี่ยงทางด้านภาษีอากรที่อาจกระทบกับผลตอบแทนที่จะได้รับออกไปได้ด้วย

รู้ไว้ใช่ว่าสำหรับเกณฑ์ภาษีใหม่!

1. อย่าเพิ่งตกใจ! แนะนำให้ติดตามแนวทางปฏิบัติจากกรมสรรพากรที่จะออกมาเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

2. การลงทุนในต่างประเทศเป็นการเปิดโอกาสการลงทุนที่กว้างขึ้น หลายบริษัทที่เป็นผู้นำของโลก และหลายธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงมักดำเนินการอยู่ในต่างประเทศ ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศจึงยังคงน่าสนใจ และเป็นโอกาสการกระจายการลงทุนในแก่พอร์ต

3. ตั้งแต่ปี 2566 ความคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศจะต้องคำนึงภาษีร่วมด้วย

4. แนวทางปฏิบัติและข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้จากกรมสรรพากร

อ้างอิง คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.161/2566 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวล-รัษฎากร ตามที่กรมสรรพากรได้ออกคำสั่ง เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร (“คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.161/2566”) เพื่อให้เจ้าพนักงานกรมสรรพากรถือเป็นแนวปฏิบัติในการตรวจสอบและแนะนำหลักเกณฑ์การเสียภาษีของบุคคลธรรมดาผู้อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วันในปีภาษีใด ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากรในต่างประเทศและนำกลับเข้ามาในประเทศไทย

หมายเหตุ: ขณะนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการพิจารณาออกคู่มือแนวทางการเสียภาษี เช่น วิธีการรวมคำนวณเงินได้ในแบบแสดงรายการเสียภาษี การใช้ภาษีในต่างประเทศเป็น final tax อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณเงินได้ หลักฐานการเสียภาษีในต่างประเทศ เป็นต้น โดยกรมสรรพากรคาดว่าจะจัดทำคู่มือแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2566

ความเสี่ยงเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร

เป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนท้องถิ่น หรือนักลงทุนในประเทศจะได้รับข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในประเทศนั้น ๆ ก่อน ทำให้นักลงทุนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศได้รับข่าวข้อมูลข่าวสารที่ช้ากว่า จนอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในด้านการลงทุน นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงในด้านนี้ได้ ด้วยการติดตามข่าวสารอยู่เสมอ โดยมีทางเลือกมากมายในปัจจุบันที่สามารถอัปเดตได้เป็นประจำและรวดเร็ว ทั้งจากบทความต่างประเทศ หรือศึกษาจากรายการ Wealth Weekend ที่มีการวิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์และสรุปข้อมูลเศรษฐกิจรอบโลกที่ต้องรู้ในแต่ละสัปดาห์

ความเสี่ยงจากความแตกต่างของไทม์โซน

ด้วยความแตกต่างของไทม์โซนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำหลายแห่งเปิดทำการในเวลาไม่ตรงกับเวลาของประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้เป็นอุปสรรค และทำให้นักลงทุนไม่สามารถตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศได้อย่างทันท่วงที