เนื้อหาโดยรวม
ภาษีต่างประเทศไม่ยากอย่างที่คิด! ตอบชัดลงทุนหุ้นต่างประเทศต้องเสียภาษีหรือไม่ และการลงทุนในประเทศต่างอเมริกา ฮ่องกง และเวียดนาม ต้องเสียภาษีอย่างไรบ้าง?
การลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะในอเมริกา ฮ่องกง เวียดนาม หรือประเทศใด ๆ ก็ตาม ล้วนต้องเสียภาษีทั้งในประเทศไทยและประเทศที่ไปลงทุนด้วย อีกทั้งการไปลงทุนในตลาดต่างประเทศยังมาพร้อมกับเงื่อนไขการเสียภาษีที่แตกต่างกันไป นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและสร้างผลตอบแทนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
สำหรับนักลงทุนคนไหนที่อยากรู้เคล็ดลับดี ๆ ในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ เราจะพานักลงทุนไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสียภาษีจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศกันให้มากขึ้น พร้อมไปรู้กันว่าจะมีภาษีประเภทใดบ้างที่จำเป็นต้องเสีย เพื่อนำไปวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลงทุนในต่างประเทศต้องเสียภาษีไหม?
คำตอบคือเสียครับ! สิ่งแรกที่นักลงทุนชาวไทยจะต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ ไม่ว่าจะลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือต่างประเทศ ย่อมจำเป็นต้องเสียภาษีทั้งนั้น เนื่องจากกำไรที่ได้จากการลงทุนถือเป็นเงินได้ประเภทหนึ่ง จึงจะถูกนำมาคำนวณในการคิดภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในแต่ละปีเช่นเดียวกับเงินเดือน และรายได้อื่น ๆ
รูปแบบเงินได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นในไทยหรือต่างประเทศ เงินที่นักลงทุนได้รับจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
เงินปันผล (Dividend)
เงินปันผล หมายถึง เงินที่ธุรกิจเจ้าของหุ้นนำกำไรที่ได้ออกมาปันส่วนให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อธุรกิจมีกำไรจากการดำเนินการ ซึ่งจะมีการจ่ายปันผลตามข้อตกลงที่ประกาศเอาไว้โดยขึ้นอยู่กับผลการดำเนินการ และนโยบายของแต่ละบริษัท
เงินกำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital Gain)
เงินกำไรจากการซื้อขายหุ้น คือเงินที่ได้จากส่วนต่างราคาหุ้น โดยส่วนมากแล้วจะเรียกสั้น ๆ ว่า “เงินกำไร” ซึ่งได้จากการที่นักลงทุนขายหุ้นที่ถืออยู่เมื่อหุ้นนั้น ๆ มีราคาแพงกว่าราคาซื้อ
ซึ่งนอกจากการเสียภาษีเงินได้ในไทยแล้ว ผู้ที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศก็ต้องเสียภาษีในต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยภาษีจากการลงทุนต่างประเทศที่ต้องเสียจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละประเทศ แต่โดยส่วนมากแล้ว ภาษีต่างประเทศที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องจ่ายจะมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
ภาษีจากการลงทุนต่างประเทศ
1. ภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย (Cash Dividend Withholding Tax)
ภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย คือภาษีที่หักจากเงินปันผลจากการลงทุนหุ้น ซึ่งแต่ละประเทศ แต่ละตลาดหุ้นก็จะมีอัตราการเก็บภาษีประเภทนี้ที่แตกต่างกันไป แต่บางตลาดหุ้นอย่างตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีประเภทนี้
2. ภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain Tax)
ภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ หมายถึง ภาษีกำไรจากการขายหุ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการเก็บภาษีประเภทนี้กับนักลงทุนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่ลงทุน ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนหุ้นต่างประเทศในอเมริกา ฮ่องกง หรือเวียดนาม ก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์
3. ภาษีอื่น ๆ
การลงทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศอาจมีภาษีอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม และไม่เหมือนกันในแต่ละตลาดหุ้น ซึ่งอาจรวมถึง ค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ (SEC Fee), ค่าธรรมเนียม ADR (ADR Fee), ภาษีอากรแสตมป์ (Stamp Duty) และ ภาษีขาขาย (Selling Tax)
ลงทุนต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?
เมื่อได้รู้จักกับประเภทของภาษีต่างประเทศที่ต้องเสียกันไปแล้ว เรามาดูกันว่าการลงทุนหุ้นในประเทศต่าง ๆ จะต้องเสียภาษีอย่างไรบ้าง
ภาษีจากการลงทุนหุ้นอเมริกา
ผู้ที่ลงทุนหุ้นในตลาดหุ้นอเมริกา จะต้องเสียภาษีจากการลงทุนต่างประเทศดังนี้
ภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย (Cash Dividend Withholding Tax) 30% ซึ่งสามารถทำเรื่องขอลดหย่อนให้เหลือเพียง 15% และรับเงินส่วนเกินคืนได้ แต่จะต้องดำเนินเรื่องสมัครบริการยื่นแบบภาษีของสหรัฐฯ (W-8BEN)
พิเศษ! สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ระบบจะทำการยื่นสมัครแบบภาษีของสหรัฐฯ (W-8BEN) ให้กับผู้ลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องยื่นแบบภาษีเองแต่อย่างใด เมื่อมีธุรกรรมการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 ธุรกรรมต่อ 3 ปีปฏิทิน
● ไม่มีการเก็บภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain Tax) สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา และไม่มีการเก็บภาษีขาขาย (Selling Tax)
● มีการเก็บค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ (Sec Fee) ที่อัตรา 0.00051% สำหรับขาขายหุ้น
ภาษีจากการลงทุนหุ้นฮ่องกง
ผู้ที่ลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง จะต้องเสียภาษีจากการลงทุนต่างประเทศดังนี้
● การเก็บภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย (Cash Dividend Withholding Tax) ของตลาดหุ้นฮ่องกงจะขึ้นอยู่กับหุ้นแต่ละตัว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการเก็บภาษีประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม หุ้นบางตัวที่เป็นหลักทรัพย์ H-Share ซึ่งเป็นหลักทรัพย์จากบริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จะมีการเก็บภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่ายที่ 10%
● ไม่มีการเก็บภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain Tax) และไม่มีการเก็บภาษีขาขายหุ้น (Selling Tax)
● มีการเก็บค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ ที่ 0.00077% และเก็บภาษีอากรสแตมป์ (Stamp Duty) ทั้งขาซื้อและขาขาย ที่ 0.13%
ภาษีจากการลงทุนหุ้นเวียดนาม
ผู้ที่ลงทุนหุ้นในตลาดหุ้นเวียดนาม จะต้องเสียภาษีจากการลงทุนต่างประเทศดังนี้
- ● ไม่มีการเก็บภาษีจากเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย (Cash Dividend Withholding Tax)
- ● ไม่มีการเก็บภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain Tax)
- ● มีการเก็บภาษีขาขาย (Selling Tax) 0.1%
สรุปได้ว่า สำหรับนักลงทุนชาวไทยที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน InnovestX และมีผลกำไรจากการขายหุ้นจะไม่ถูกหักภาษีใด ๆ ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามในส่วนของเงินปันผลนั้นจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติม โดยหัก ณ ที่จ่ายตามกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศที่ลงทุน
ทั้งนี้ สำหรับภาษีหัก ณ ที่จ่ายในต่างประเทศ กับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่ผ่าน InnovestX จะมีรายงาน หรือ Statement ที่ถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของนักลงทุน โดยไม่ได้เป็นรายการชำระภาษีในนามของนักลงทุนแต่ละท่าน โดยนักลงทุนจะได้รับยอดเงินปันผลเข้าบัญชีการลงทุนเป็นยอดเงินหลังจากหักค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปแล้ว
การเสียภาษีในไทยจากการลงทุนหุ้นต่างประเทศ
การลงทุนในต่างประเทศไม่ว่าจะรูปแบบใด หากนำรายได้จากการลงทุนกลับเข้าสู่ประเทศไทย ทั้งส่วนต่างราคาซื้อขาย (Capital gain) และเงินปันผล (Dividend) หรือ ดอกเบี้ย (Interest) จะถูกนับเป็นรายได้พึงประเมิน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเสียภาษีด้วยเช่นกัน โดยภาษีที่ต้องเสียคือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั่นเอง
ยกเว้นแต่เป็นการโอนเงินไปต่างประเทศที่ไม่เกิดการลงทุนและนำเงินนั้นกลับเข้ามาประเทศไทย ไม่ถือเป็นรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี
ปัจจุบัน กรมสรรพากรได้มีการออกคำสั่งใหม่ บังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่นำเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป (อ้างอิงคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566) ซึ่งระบุว่า
ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินจากต่างประเทศ หรือทรัพย์สินในต่างประเทศ อยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน และรายได้นั้นเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 หากมีกลับเข้ามาในประเทศไทย ไมว่าปีภาษีใดถือว่าเข้าเกณฑ์การเสียภาษีเงินได้จากต่างประเทศ โดยหากนำเงินนั้นกลับมาใดปีให้นำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีที่นำเงินเข้ามาในประเทศไทยนั้น
ยกเว้นแต่รายได้จากต่างประเทศนั้นได้ถูกนำกลับมาก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2567 ในกรณีนี้ไม่เข้าเกณฑ์เสียภาษีรายได้พึงประเมิน
นอกจากนี้ การคิดคำนวณรายได้จากต่างประเทศที่นำกลับเข้ามาในประเทศนั้น กรมสรรพากรยังได้ระบุไว้ว่า ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่นำกลับเข้ามาในประเทศไทย
เคล็ดลับที่ต้องรู้ ของนักลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
1. ถอนเงินคืนไม่เกินเงินต้น ไม่ต้องเสียภาษี : มีเพียงกำไรจากการลงทุนเท่านั้น ได้แก่ ส่วนต่างราคาซื้อขาย เงินปันผล และดอกเบี้ย เป็นต้น ที่ถือว่าเป็นเงินได้ และจะถูกนำมาคำนวณภาษีส่วนบุคคล
แต่หากคุณนำเงินกลับมาไม่เกินกว่าจำนวนเงินที่ลงทุนไป ก็จะถือว่าเป็นการถอนเงินต้นคืน และไม่ต้องเสียภาษีในปีนั้น ๆ ซึ่งในส่วนการจัดการแยกระหว่างเงินต้นและรายได้ที่เกิดจากการลงทุนในต่างประเทศนั้น ผู้เสียภาษีมีหน้าที่ต้องชี้แจงกับกรมสรรพากร
2. ขายหุ้นคืนแล้วขาดทุน ไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี : เงินที่ได้จากการขายหุ้นคืนแล้วขาดทุนก็จะไม่นำมาคำนวณภาษีเช่นกัน เพราะจะถือว่าถอนเงินคืนไม่เกินเงินต้น
3.ให้พ่อแม่ ลูก หรือสามี/ภรรยา นำเงินกำไรเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี : หากมีกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศ แล้วโอนกำไรนั้นให้กับบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือ คู่สมรส แล้วให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้นำเงินกลับเข้าประเทศไทย เงินนั้นไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี (ส่วนไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อปี)
4.วางแผนภาษีก่อนนำรายได้กลับเข้าประเทศไทย : หากมีการนำรายได้จากต่างประเทศกลับเข้ามาในประเทศในปีที่ฐานภาษีไม่สูง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถจัดการภาษีได้ เช่น การนำรายได้กลับเข้าประเทศในวัยหลังเกษียณ เป็นต้น
ตรวจสอบเงินปันผลหุ้นต่างประเทศ บนแอปฯ InnovestX
สำหรับผู้ใช้งาน InnovestX สามารถตรวจสอบเงินปันผลจากการลงทุนต่างประเทศได้ง่าย ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ www.innovestxonline.com ในไม่กี่ขั้นตอนดังนี้
- 1. Login ด้วย Username และ Password เดียวกับบนแอปพลิเคชัน
- 2. เลือกเลขที่บัญชีเป็นบัญชีหุ้นต่างประเทศ บริเวณมุมขวาบนของเว็บไซต์
- 3. คลิกไอคอน InnovestX Global Trade
- 4. คลิกปุ่ม Account
- 5. คลิกปุ่ม Historical Reports
- 6. คลิกปุ่ม Share Dividends
เพียงเท่านี้นักลงทุนก็จะสามารถตรวจสอบข้อมูลเงินปันผลหุ้นต่างประเทศ ที่คุณลงทุนเอาไว้ได้แล้ว และหากลูกค้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมใด ๆ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-949-1234
แม้ว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนนั้นเสี่ยงยิ่งกว่า หากคุณสนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เพื่อเริ่มสร้างความมั่นคงทางการการเงินเพื่อวันข้างหน้า เลือกโบรกเกอร์หุ้นต่างประเทศที่ช่วยให้คุณลงทุนและเทรดได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ พร้อมบริการให้คำแนะนำด้านการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยมืออาชีพอย่าง InnovestX แอปที่รวมทุกการลงทุนไว้ในแอปเดียว ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนรวมต่างประเทศและอีกมากมายพร้อมให้คุณเลือกลงทุนตามเป้าหมายที่วางไว้