เนื้อหาโดยรวม
อย่ามองข้ามตลาดหุ้นที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างตลาดหุ้นเวียดนาม มารู้จักทั้ง 2 ตลาดหุ้นของเวียดนาม และดัชนีหุ้นเวียดนามหลักที่คุณควรรู้จัก
รู้จักก่อนเริ่มลงทุน : ตลาดหุ้นเวียดนาม และดัชนีหุ้นเวียดนาม
ในยุคปัจจุบันที่โลกก้าวหน้าไปไกล โอกาสลงทุนในตลาดต่างประเทศก็เพิ่มมากขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การลงทุนในประเทศไทยเพียงอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์กับนักลงทุนหลาย ๆ คนอีกต่อไป สำหรับใครที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนกับตลาดใหม่ ๆ หนึ่งในตลาดหุ้นต่างประเทศที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นตลาดหุ้นเวียดนาม เพราะหากมองในภาพรวมแล้วตลาดหุ้นเวียดนามมีความน่าสนใจอย่างมาก และถือเป็นตลาดที่น่าลงทุนมากที่สุดแห่งหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้แต่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนชั้นแนวหน้าของประเทศไทยยังเคยกล่าวไว้ว่า
“ถ้าผมอายุสัก 25 หรือ 30 ในวันนี้ สิ่งที่ผมจะทำก็คือ ผมคงต้องไปเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เพราะผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วคล้าย ๆ กับประเทศไทยเมื่อประมาณ 15-20 ปีก่อน”
ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าประเทศเวียดนาม ณ ขณะนี้ เป็นตลาดที่นักลงทุน และคนวัยสร้างตัวไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
ถ้าหากคุณอยากรู้ว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนหันมาสนใจตลาดหุ้นเวียดนามกันมากขึ้น วันนี้เรามีคำตอบมาให้ พร้อมพาคุณไปรู้จักกับ 2 ตลาดหุ้นหลักของเวียดนาม รวมถึงดัชนีหุ้นเวียดนาม และแนวทางการเริ่มต้นลงทุนในตลาดนี้แบบง่าย ๆ ตามไปรู้กันเลย!
1. อย่ามองข้ามโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
ประเทศเวียดนาม หนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่กำลังเติบโต และก้าวหน้าอย่างมากในทุก ๆ ด้าน ส่งผลให้ตลาดหุ้นของเวียดนามนั้นถูกจับตามองโดยนักลงทุนทั่วโลก เพราะถือว่าเป็นตลาดหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก ซึ่งมีอยู่ 4 เหตุผลหลัก ที่ทำให้คุณไม่อาจมองข้ามโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามไปได้
1. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเวียดนามมีการดำเนินงานอย่างมั่นคง และมีระบบการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยต่อการลงทุนมากทีเดียว
2. ประเทศเวียดนามได้กลายเป็นฐานการผลิต และเศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์จากทั่วโลกมากมายที่เลือกใช้ประเทศเวียดนามเป็นฐานการผลิตสินค้า ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้
3. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเวียดนามได้รับการจัดการ และพัฒนาอย่างเป็นระบบ ทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว มีศักยภาพเหมาะแก่การลงทุน อีกทั้งยังมีปริมาณการซื้อ-ขายหุ้นและดัชนีหุ้นจำนวนมาก ที่สำคัญปริมาณการซื้อ-ขายหุ้น และดัชนีหุ้นยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต
4. ราคาหุ้นในตลาดหุ้นของเวียดนามยังมีราคาถูกกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค จึงทำให้ผู้ที่เริ่มลงทุนตอนนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคตได้อย่างคุ้มค่า และมือใหม่ที่อยากลองลงทุนในหุ้นต่างประเทศก็สามารถเริ่มลงทุนได้โดยไม่ต้องใช้เงินเริ่มต้นลงทุนสูงมากนัก
2. รู้จัก 2 ตลาดหุ้นเวียดนาม
ตลาดหุ้นของเวียดนามนั้นมีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน โดยทั้งสองตลาดมีดัชนีหุ้นหลักที่น่าสนใจไว้ให้เลือกลงทุน หากคุณอยากรู้ว่าดัชนีหุ้นเวียดนามมีอะไรบ้าง และดัชนีหุ้นเวียดนามแต่ละตัวแสดงค่าอะไร สามารถหาคำตอบได้ที่นี่
"HOSE" Ho Chi Minh Stock Exchange
ตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ หรือ Ho Chi Minh Stock Exchange (HOSE) เปิดทำการอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2000 และในปัจจุบันมีหุ้นกว่า 404 ตัวที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนี้
ดัชนีหุ้นหลักใน HOSE
● VNI : VN Index เป็นดัชนีหุ้นเวียดนามตัวแรกของประเทศที่แสดงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ HOSE
● VNALL : VN All Shares Index ดัชนีหุ้น VNALL สะท้อนถึงราคาหุ้นตามสัดส่วนมูลค่าตลาดของหุ้นที่คัดกรองแล้วว่ามีคุณสมบัติดีในแง่ของสภาพคล่อง และอื่น ๆ
● VN30 : VN 30 Index ดัชนีหุ้นเวียดนามที่แสดงระดับ ความเคลื่อนไหว และราคาของหุ้นที่สูงสุด 30 ตัวแรกใน VNALL
● VNMID : VN Mid Cap Index เป็นดัชนีหุ้นที่แสดงระดับ ความเคลื่อนไหว และราคาหุ้นที่สูงสุด 70 อันดับแรกของบริษัทขนาดกลางที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดใน VNALL
● VN100 : VN 100 Index ดัชนีหุ้นที่แสดงความเคลื่อนไหว ระดับ และราคาของหุ้น 100 ตัวที่ดีที่สุด เป็นหุ้นเดียวกันกับในดัชนี VNALL และ VN30
● VNSML : VN Small Cap Index ดัชนีหุ้นที่แสดงความเคลื่อนไหว ระดับ และราคาหุ้นของบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งเป็นหุ้นที่ไม่อยู่ในดัชนี VN100
● VNSI : VN Sustainability Index ดัชนีหุ้นเวียดนามที่แสดงระดับ ความเคลื่อนไหว และราคาหุ้น 20 ตัว โดยคัดเลือกจากบริษัทจดทะเบียนที่มีคะแนนการพัฒนาอย่างยั่งยืนดีที่สุด
นอกจากดัชนีหุ้นหลัก 6 ตัวนี้แล้ว HOSE ยังมีดัชนีหุ้นอีกมากมายตามกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทผู้จดทะเบียนหุ้น สำหรับบริษัทที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในดัชนีนี้ ได้แก่ Apple, Boeing, Coca-Cola และ Goldman Sachs
"HNX" Hanoi Stock Exchange
ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย หรือ Hanoi Stock Exchange (HNX) เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ 2 ของประเทศเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2005 เป็นตลาดที่อนุญาตให้ซื้อขายทั้งหุ้นสามัญและหุ้นกู้ หากนับเฉพาะหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นี้ ปัจจุบันมีแล้วกว่า 345 ตัว
3 ดัชนีหุ้นหลักใน HNX
● HNXI : HNX Index คือดัชนีหุ้นเวียดนามหลักในตลาดหุ้น HNX แสดงความเคลื่อนไหว และระดับของหุ้นทุกตัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ HNX
● HNX30 : HNX 30 Index คือดัชนีหุ้นที่แสดงความเคลื่อนไหวของราคา และระดับของหุ้น 30 ตัวแรกที่มีมูลค่าสูงที่สุดใน HNXI
● HNX30TRI : HNX 30 Total Return Index คือดัชนีหุ้นแสดงผลตอบแทนรวมของดัชนี HNX30
นอกจาก 3 ดัชนีหุ้นหลักนี้ ตลาดหุ้น HNX ก็ยังมีดัชนีหุ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดัชนีที่แบ่งตามขนาดของบริษัท หรือแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม
3. ช่องทางการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
หากสนใจลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม สามารถทำได้ 2 ช่องทางหลักเหล่านี้ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถลงทุนได้ง่าย ๆ
ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามด้วยตัวเอง
วิธีแรกคือการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามด้วยตัวเองโดยตรง ที่สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งสองตลาด ไม่ว่าจะเป็น HOSE หรือ HNX โดยการลงทุนเองแบบนี้จะเป็นการเปิดบัญชีซื้อ-ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเวียดนามเพื่อแสวงหาผลกำไรตอบแทน ซึ่งผู้ลงทุนควรต้องมีความรู้ และประสบการณ์ในการเทรดหุ้นมาก่อน
สำหรับเคล็ดลับการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามด้วยตัวเอง สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ InnovestX Global Trade เว็บไซต์สำหรับการ ลงทุนในหุ้น และสินทรัพย์ต่างประเทศที่สามารถซื้อ-ขาย ได้ทั้งตลาดหุ้นไทย เวียดนาม และโซนยุโรป นอกจากนี้ หากต้องการเทรดหุ้นสหรัฐอเมริกาและหุ้นฮ่องกง ยังสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่พร้อมให้คุณเทรดได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย
เริ่มต้นการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ใน 5 ขั้นตอน
- 1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน InnovestX
- 2. เปิดบัญชีพร้อมยืนยันตัวตน และประเมินความเสี่ยงในการลงทุน
- 3. เติมเงินเข้าบัญชี
- 4. แลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ต้องการเทรด
- 5. เริ่มต้นเทรดได้ทันที
เริ่มต้นลงทุนได้ง่าย ๆ กับ InnovestX ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ InnovestX Global Trade ครั้งแรก! ที่คุณสามารถลงทุนหุ้นและสินทรัพย์บริษัทชั้นนำกว่า 10,000 บริษัท มากกว่า 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้แล้ววันนี้ทั้งสหรัฐฯ ฮ่องกง โซนยุโรป เอเชีย และแคนาดา รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ลงทุนในกองทุนรวม หรือกองทุนส่วนบุคคล
วิธีการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามวิธีที่ 2 ก็คือการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ที่นำเงินไปลงทุนในหุ้นเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมที่มีผู้จัดการกองทุนคอยจัดการเงินลงทุนให้ตามความเหมาะสม เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาศึกษาและดูแลการลงทุนด้วยตัวเอง หรือจะเป็นกองทุนส่วนบุคคลที่เน้นการลงทุนกำลังทรัพย์สูง และมีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน อย่างเช่น กองทุนส่วนบุคคลโมเดล VN Alpha จาก InnovestX
โดยกองทุนส่วนบุคคลโมเดล VN Alpha เป็นกองทุนที่มีผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และมีผลประกอบการชนะตลาดต่อเนื่องถึง 18.1% ในปี 2022 รูปแบบการบริหารกองทุนเป็นแบบเชิงรุก โดยเฉพาะในการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามด้วยกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเชิงกระจุกตัว เน้นลงทุนในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต และมีปัจจัยเร่งการปรับตัวของราคาหุ้นในระยะกลางถึงระยะยาว รวมถึงมีราคาต่ำ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการตรวจสอบเชิงลึกในระดับผู้บริหารของแต่ละบริษัทที่จะลงทุนด้วย
หากสนใจลงทุน Private Fund VN Alpha สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ที่ขั้นต่ำ 10 ล้านบาท สนใจการลงทุนกองทุนส่วนบุคคล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : innovestx_privatefund_admin@scb.co.th
แม้ว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยอาจเสี่ยงยิ่งกว่า หากใครกำลังสนใจลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามและตลาดหุ้นต่างประเทศอื่น ๆ สามารถเลือกลงทุนกับทุกสินทรัพย์ได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปซื้อหุ้นต่างประเทศ อย่าง InnovestX ไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นเวียดนามจากทั้งสองตลาดที่ได้แนะนำไป หรือจะลงทุนในกองทุนรวม หรือกองทุนส่วนบุคคล ก็ทำได้ครบในแอปพลิเคชัน InnovestX ที่เดียว
แหล่งอ้างอิง:
1. Ho Chi Minh Stock Exchange. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 จาก https://sseinitiative.org/stock-exchange/hsx/
2. Hanoi Stock Exchange. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 จาก https://sseinitiative.org/stock-exchange/hnx/
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน