เนื้อหาโดยรวม
USD Index หรือดัชนีดอลลาร์ คือ หนึ่งในตัววัดแนวโน้มเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และลงทุนได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สำหรับนักลงทุนไม่ว่ามือใหม่หรือมือเก๋า อาจเคยได้ยินคำว่า US Dollar Index หรือดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีความสำคัญต่อนักลงทุน เพราะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทิศทางของเศรษฐกิจและการลงทุน ผ่านดัชนีค่าเงินของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลก ใครยังไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์คำนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักว่าดัชนีดอลลาร์คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการลงทุนบ้าง
ดัชนีดอลลาร์ (USD Index) คืออะไร?
ดัชนีดอลลาร์ หรือ USD Index คือ ดัชนีชี้วัดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอีก 6 สกุล ได้แก่ เงินยูโร เยน ปอนด์ ดอลลาร์แคนาดา โครนาสวีเดน และฟรังก์สวิส จัดทำขึ้นเมื่อปี 1973 โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve (Fed) เพื่อดูว่าค่าเงินของสหรัฐแข็งค่า หรืออ่อนตัวลง โดยมีค่าน้ำหนักดังต่อไปนี้
● ยูโร 57.6%
● เยน 13.60%
● ปอนด์ 11.90%
● ดอลลาร์แคนาดา 9.10%
● โครนาสวีเดน 4.20%
● ฟรังก์สวิส 3.60%
จากการถ่วงน้ำหนักของดัชนีดอลลาร์จะเห็นได้ว่า น้ำหนักของเงินยูโรจะมีมากที่สุด คือ 57.6% จึงไม่น่าแปลกใจว่า เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง เงินที่แข็งค่าขึ้นคือ เงินยูโร และในทางตรงกันข้ามหากว่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น เงินยูโรก็จะอ่อนตัวลงนั่นเอง
การอ่านค่าดัชนีดอลลาร์
การจัดทำ Dollar Index เกิดขึ้นเมื่อระบบ Bretton Woods ซึ่งเป็นระบบที่ให้เงินดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลัก และเป็นเงินสกุลเดียวที่มีทองคำหนุนหลัง ทำให้มีการคิดดัชนีชี้วัดเงินสกุลดอลลาร์ โดยเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ในโลกกับ 6 สกุลเงินข้างต้น เพื่อเป็นการถ่วงน้ำหนักที่แตกต่างกันออกไป
ค่าดัชนีดอลลาร์จะเริ่มที่ 100 หากว่ามีค่าสูงกว่า 100 แสดงว่าเงินดอลลาร์แข็งตัว แต่หากว่าต่ำกว่า 100 แสดงว่าเงินดอลลาร์กำลังอ่อนตัวลง
ตัวอย่างเช่น หากว่าเงินยูโรแข็งตัวขึ้น ค่าดัชนีดอลลาร์ก็จะลดลง เช่น ลดจาก 100 เหลือ 98 ซึ่งค่าที่ลดลงก็ขึ้นอยู่กับค่าแข็งตัวและอ่อนค่าของค่าเงินต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งการอ่านค่า อาจจะอ่านเปรียบเทียบจากดัชนีดอลลาร์ในอดีต เพื่อดูว่าค่าเงินดอลลาร์ขยับแข็งตัวขึ้นหรืออ่อนค่าลงจากเดิม
สูตรการคำนวณดัชนีดอลลาร์ คือ
USDX = 50.14348112 × EURUSD-0.576 × USDJPY0.136 × GBPUSD-0.119 × USDCAD0.091 × USDSEK0.042 × USDCHF0.036
ความสำคัญของดัชนีดอลลาร์มีอะไรบ้าง?
ด้วยประเทศสหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ทำให้การแข็งค่าหรืออ่อนตัวลงของดอลลาร์สหรัฐส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเงินของโลก ทำให้ดัชนีดอลลาร์คือตัวชี้วัดการเงินและเศรษฐกิจที่สำคัญดังต่อไปนี้
ทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์กับสกุลเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะกับเงินยูโร
เราสามารถทำนายทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์กับเงินสกุลอื่น ๆ ที่ใช้ถ่วงน้ำหนักได้ ในทิศทางที่แปรผกผันกัน กล่าวคือ หากว่าดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ค่าเงินสกุลอื่น ๆ ที่ถ่วงน้ำหนักก็มีโอกาสจะอ่อนค่าลงได้ แต่หากว่าดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง ค่าเงินสกุลอื่น ๆ ก็มีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งนักลงทุนอาจใช้แนวโน้มนี้ไปใช้กับการวางแผนการซื้อหรือการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน
ส่งผลต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าในสหรัฐ
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในตลาดการค้าการลงทุนที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ด้วยเหตุนี้ ค่าดัชนีดอลลาร์จึงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการส่งออกและนำเข้าสินค้าในสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จะทำให้สินค้าและบริการจากสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้นสำหรับประเทศอื่น ๆ ทำให้อัตราการส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ อาจจะลดลง แต่การนำเข้าสินค้าจะสูงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าภายนอกประเทศมีราคาต่ำลง
2 ใน 3 ของเงินสำรองของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจัดเก็บในสกุลดอลลาร์
เงินสกุลดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก และมีเสถียรภาพมากเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศทั่วโลกจึงเก็บเงินสำรองของประเทศในสกุลดอลลาร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
เป็นเงินสกุลที่ใช้ในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ
ปัจจุบันการซื้อขายระหว่างประเทศสามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเงินสกุลหลักที่ใช้ในการซื้อขายสินค้าและบริการก็คือ สกุลเงินดอลลาร์ ทำให้ค่าดัชนีดอลลาร์ คือหนึ่งในตัวชี้วัดราคาที่ซื้อขายกันระหว่างประเทศ นักลงทุนจึงมักใช้ดัชนีดอลลาร์ในการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก รวมถึงใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนและการทำธุรกรรมต่าง ๆ
แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีดอลลาร์
ในตลาดการค้าและการลงทุน จะมีสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีดอลลาร์โดยตรง ดังต่อไปนี้
หุ้นโลกและหุ้นสหรัฐ
บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าไปทั่วโลกและมีรายได้จากประเทศมากกว่า 1 ใน 3 ดังนั้น เมื่อดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลง รายได้จากต่างประเทศก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย
ทอง น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์
จะมีความสัมพันธ์ในทิศทางที่แปรผกผันกัน โดยเมื่อดัชนีดอลลาร์สูงขึ้น เงินดอลลาร์แข็งค่า ราคาทอง น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะปรับตัวลดลง
เงินสกุลอื่น ๆ
เงินสกุลอื่น ๆ จะมีการปรับตัวที่แปรผกผันกับเงินสกุลดอลลาร์ โดยเฉพาะค่าเงินที่ใช้ถ่วงน้ำหนัก
รูปแบบการลงทุนในดัชนีดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในดัชนีดอลลาร์ สามารถลงทุนได้ในรูปแบบดังต่อไปนี้
การซื้อเงินดอลลาร์
เป็นการลงทุนแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยม และลงทุนง่าย เพราะเพียงแค่ซื้อเงินสกุลดอลลาร์มาเก็บเอาไว้ และแลกคืนเมื่อได้กำไร ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนที่เป็นเงินเย็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถทำกำไรได้ แต่จะต้องอาศัยเงินทุนที่ค่อนข้างสูง และหากมองตลาดพลาด ก็อาจจะขาดทุนได้ง่ายเช่นกัน
การซื้อกองทุนตลาดเงินต่างประเทศ
เป็นการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุน โดยเลือกกองทุนที่มีนโยบายที่เหมาะสมและสามารถทำกำไรได้ดีในระยะยาว สามารถลงทุนได้ง่าย ใช้เงินทุนจำนวนไม่เยอะมาก เหมาะกับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว
เทรด CFD
CFD หรือ Contract for Difference เป็นการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่ง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
อยากเล่นหุ้นต่างประเทศต้องรู้จักและอ่านดัชนีดอลลาร์ เพื่อดูทิศทางการเงินและเศรษฐกิจของโลก เริ่มลงทุนกับ InnovestX ได้แล้ววันนี้ แอปเดียวครบทุกจักรวาลการลงทุน ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยอาจเสี่ยงยิ่งกว่า เริ่มลงทุนวันนี้เลย
คำเตือน
*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน