ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

ดัชนีดอลลาร์คืออะไร มีผลต่อตลาดการลงทุนโลกอย่างไร?

blog_list_heading
02 ส.ค. 2566;
11428
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

    USD Index หรือดัชนีดอลลาร์ คือ หนึ่งในตัววัดแนวโน้มเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และลงทุนได้แม่นยำยิ่งขึ้น

นักลงทุนต้องรู้จัก USD Index คืออะไร

สำหรับนักลงทุนไม่ว่ามือใหม่หรือมือเก๋า อาจเคยได้ยินคำว่า US Dollar Index หรือดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีความสำคัญต่อนักลงทุน เพราะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทิศทางของเศรษฐกิจและการลงทุน ผ่านดัชนีค่าเงินของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลก ใครยังไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์คำนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักว่าดัชนีดอลลาร์คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการลงทุนบ้าง

ดัชนีดอลลาร์ (USD Index) คืออะไร?

ดัชนีดอลลาร์ หรือ USD Index คือ ดัชนีชี้วัดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอีก 6 สกุล ได้แก่ เงินยูโร เยน ปอนด์ ดอลลาร์แคนาดา โครนาสวีเดน และฟรังก์สวิส จัดทำขึ้นเมื่อปี 1973 โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve (Fed) เพื่อดูว่าค่าเงินของสหรัฐแข็งค่า หรืออ่อนตัวลง โดยมีค่าน้ำหนักดังต่อไปนี้

● ยูโร 57.6%

● เยน 13.60%

● ปอนด์ 11.90%

● ดอลลาร์แคนาดา 9.10%

● โครนาสวีเดน 4.20%

● ฟรังก์สวิส 3.60%

จากการถ่วงน้ำหนักของดัชนีดอลลาร์จะเห็นได้ว่า น้ำหนักของเงินยูโรจะมีมากที่สุด คือ 57.6% จึงไม่น่าแปลกใจว่า เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง เงินที่แข็งค่าขึ้นคือ เงินยูโร และในทางตรงกันข้ามหากว่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น เงินยูโรก็จะอ่อนตัวลงนั่นเอง

การอ่านค่าดัชนีดอลลาร์

การจัดทำ Dollar Index เกิดขึ้นเมื่อระบบ Bretton Woods ซึ่งเป็นระบบที่ให้เงินดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลัก และเป็นเงินสกุลเดียวที่มีทองคำหนุนหลัง ทำให้มีการคิดดัชนีชี้วัดเงินสกุลดอลลาร์ โดยเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ในโลกกับ 6 สกุลเงินข้างต้น เพื่อเป็นการถ่วงน้ำหนักที่แตกต่างกันออกไป

ค่าดัชนีดอลลาร์จะเริ่มที่ 100 หากว่ามีค่าสูงกว่า 100 แสดงว่าเงินดอลลาร์แข็งตัว แต่หากว่าต่ำกว่า 100 แสดงว่าเงินดอลลาร์กำลังอ่อนตัวลง

ตัวอย่างเช่น หากว่าเงินยูโรแข็งตัวขึ้น ค่าดัชนีดอลลาร์ก็จะลดลง เช่น ลดจาก 100 เหลือ 98 ซึ่งค่าที่ลดลงก็ขึ้นอยู่กับค่าแข็งตัวและอ่อนค่าของค่าเงินต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งการอ่านค่า อาจจะอ่านเปรียบเทียบจากดัชนีดอลลาร์ในอดีต เพื่อดูว่าค่าเงินดอลลาร์ขยับแข็งตัวขึ้นหรืออ่อนค่าลงจากเดิม

สูตรการคำนวณดัชนีดอลลาร์ คือ

USDX = 50.14348112 × EURUSD-0.576 × USDJPY0.136 × GBPUSD-0.119 × USDCAD0.091 × USDSEK0.042 × USDCHF0.036

ความสำคัญของดัชนีดอลลาร์มีอะไรบ้าง?

ด้วยประเทศสหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ทำให้การแข็งค่าหรืออ่อนตัวลงของดอลลาร์สหรัฐส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเงินของโลก ทำให้ดัชนีดอลลาร์คือตัวชี้วัดการเงินและเศรษฐกิจที่สำคัญดังต่อไปนี้

ทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์กับสกุลเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะกับเงินยูโร

เราสามารถทำนายทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์กับเงินสกุลอื่น ๆ ที่ใช้ถ่วงน้ำหนักได้ ในทิศทางที่แปรผกผันกัน กล่าวคือ หากว่าดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ค่าเงินสกุลอื่น ๆ ที่ถ่วงน้ำหนักก็มีโอกาสจะอ่อนค่าลงได้ แต่หากว่าดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง ค่าเงินสกุลอื่น ๆ ก็มีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งนักลงทุนอาจใช้แนวโน้มนี้ไปใช้กับการวางแผนการซื้อหรือการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน

ส่งผลต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าในสหรัฐ

ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในตลาดการค้าการลงทุนที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ด้วยเหตุนี้ ค่าดัชนีดอลลาร์จึงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการส่งออกและนำเข้าสินค้าในสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จะทำให้สินค้าและบริการจากสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้นสำหรับประเทศอื่น ๆ ทำให้อัตราการส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ อาจจะลดลง แต่การนำเข้าสินค้าจะสูงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าภายนอกประเทศมีราคาต่ำลง

2 ใน 3 ของเงินสำรองของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจัดเก็บในสกุลดอลลาร์

เงินสกุลดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก และมีเสถียรภาพมากเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศทั่วโลกจึงเก็บเงินสำรองของประเทศในสกุลดอลลาร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไป

เป็นเงินสกุลที่ใช้ในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ

ปัจจุบันการซื้อขายระหว่างประเทศสามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเงินสกุลหลักที่ใช้ในการซื้อขายสินค้าและบริการก็คือ สกุลเงินดอลลาร์ ทำให้ค่าดัชนีดอลลาร์ คือหนึ่งในตัวชี้วัดราคาที่ซื้อขายกันระหว่างประเทศ นักลงทุนจึงมักใช้ดัชนีดอลลาร์ในการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก รวมถึงใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนและการทำธุรกรรมต่าง ๆ

ราคาสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีดอลลาร์คืออะไร

แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีดอลลาร์

ในตลาดการค้าและการลงทุน จะมีสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีดอลลาร์โดยตรง ดังต่อไปนี้

หุ้นโลกและหุ้นสหรัฐ

บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าไปทั่วโลกและมีรายได้จากประเทศมากกว่า 1 ใน 3 ดังนั้น เมื่อดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลง รายได้จากต่างประเทศก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย

ทอง น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์

จะมีความสัมพันธ์ในทิศทางที่แปรผกผันกัน โดยเมื่อดัชนีดอลลาร์สูงขึ้น เงินดอลลาร์แข็งค่า ราคาทอง น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะปรับตัวลดลง

เงินสกุลอื่น ๆ

เงินสกุลอื่น ๆ จะมีการปรับตัวที่แปรผกผันกับเงินสกุลดอลลาร์ โดยเฉพาะค่าเงินที่ใช้ถ่วงน้ำหนัก

รูปแบบการลงทุนในดัชนีดอลลาร์

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในดัชนีดอลลาร์ สามารถลงทุนได้ในรูปแบบดังต่อไปนี้

การซื้อเงินดอลลาร์

เป็นการลงทุนแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยม และลงทุนง่าย เพราะเพียงแค่ซื้อเงินสกุลดอลลาร์มาเก็บเอาไว้ และแลกคืนเมื่อได้กำไร ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนที่เป็นเงินเย็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถทำกำไรได้ แต่จะต้องอาศัยเงินทุนที่ค่อนข้างสูง และหากมองตลาดพลาด ก็อาจจะขาดทุนได้ง่ายเช่นกัน

การซื้อกองทุนตลาดเงินต่างประเทศ

เป็นการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุน โดยเลือกกองทุนที่มีนโยบายที่เหมาะสมและสามารถทำกำไรได้ดีในระยะยาว สามารถลงทุนได้ง่าย ใช้เงินทุนจำนวนไม่เยอะมาก เหมาะกับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว

เทรด CFD

CFD หรือ Contract for Difference เป็นการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่ง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

อยากเล่นหุ้นต่างประเทศต้องรู้จักและอ่านดัชนีดอลลาร์ เพื่อดูทิศทางการเงินและเศรษฐกิจของโลก เริ่มลงทุนกับ InnovestX ได้แล้ววันนี้ แอปเดียวครบทุกจักรวาลการลงทุน ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยอาจเสี่ยงยิ่งกว่า เริ่มลงทุนวันนี้เลย

คำเตือน

*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

หัวข้ออื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
กลับด้านบน