ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

รู้ไว้ดีกว่า! ประโยชน์ของ AI ด้านการเงินที่หลายคนยังไม่รู้

blog_list_heading
02 ส.ค. 2566;
12833
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

    การเริ่มลงทุนแบบมีผู้ช่วยเป็นหนึ่งในประโยชน์ของ AI ด้านการเงินที่ใครหลายคนทราบ แต่นอกจากด้านการลงทุนแล้ว AI ยังมีประโยชน์กับการเงินอีกมากมาย อ่านต่อ

การเริ่มลงทุนแบบมีผู้ช่วยเป็นหนึ่งในฟีเจอร์การลงทุนที่หลายสถาบันการเงินพัฒนาด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อช่วยให้นักลงทุนเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินได้สูงสุด

อย่างไรก็ดี นอกจากประโยชน์ในด้านการลงทุนแล้ว เทคโนโลยี AI ยังมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมทางการเงินในหลากหลายด้าน ทั้งยังสามารถปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกรรมและบริการทางการเงินอื่น ๆ อีกมากมาย มาทำความรู้จักประโยชน์ของ AI ด้านการเงินให้มากขึ้นในบทความนี้กัน

ประโยชน์ของ AI ด้านการเงิน

การใช้งาน AI ในสถาบันทางการเงิน

การนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับการเงินมีจุดเริ่มต้นมายาวนานกว่า 10 ปี นอกจากจุดประสงค์ด้านการลงทุนแล้ว สถาบันทางการเงินชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกต่างก็ได้นำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ บริหารความเสี่ยง ตลอดจนลดข้อผิดพลาดและการฉ้อโกง ทั้งในธุรกรรมทางการเงินและการทำงานภายในองค์กร

สำหรับใครที่ยังไม่เห็นภาพว่า สถาบันทางการเงินจะนำ AI มาใช้งานภายในองค์กรได้อย่างไร ลองมาพิจารณาถึงประโยชน์ของ AI ด้านการเงินเพิ่มเติมได้ตามตัวอย่าง ดังนี้

1. ประเมินและบริหารความเสี่ยง

สถาบันทางการเงินแต่ละแห่งจะมีการพัฒนาและสร้างฐานข้อมูลสำหรับเทคโนโลยี AI ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี เมื่อได้อัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ระบบ AI ที่มีการประมวลผลผ่าน Machine Learning Algorithms (MLAs) และ Deep Learning Models (DLMs) จะสามารถช่วยสถาบันทางเงินประเมินและบริหารความเสี่ยงในธุรกรรมทางการเงินได้

Case Study:

สถาบันทางการเงินสามารถนำ AI มาช่วยตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติได้ ทำให้ทราบถึงความเสี่ยงในการฉ้อโกง การฟอกเงิน รวมไปถึงการทุจริตทางการเงินในองค์กร ซึ่งในปัจจุบันนี้ ธนาคารในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งเริ่มนำระบบ AI มาใช้ตรวจสอบการทำธุรกรรมภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.worldfinance.com/banking/how-artificial-intelligence-is-changing-the-face-of-banking

2. ตรวจสอบเครดิตและความน่าเชื่อถือ

ไม่เพียงแต่จะช่วยประเมินความเสี่ยงทางการเงินเท่านั้น แต่สถาบันทางการเงินยังสามารถนำเทคโนโลยี AI มาตรวจสอบเครดิตและความน่าเชื่อถือทางการเงินของลูกค้าก่อนพิจารณาปล่อยสินเชื่อและอนุมัติธุรกรรมได้เช่นกัน

Case Study:

เช่น บริษัทสินเชื่อจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Kabbage ได้มีการนำ AI มาวิเคราะห์เครดิตและความน่าเชื่อถือของลูกค้าก่อนจะปล่อยสินเชื่อ โดยจะพิจารณาจากทั้งคะแนนเครดิต ประวัติ รายได้และอาชีพของผู้กู้ รวมไปถึงประวัติในการผิดชำระหนี้ เพื่อคาดการณ์ถึงความเสี่ยงในการอนุมัติสินเชื่อและโอกาสในการเกิดเป็นหนี้เสียให้แก่บริษัท

นอกจากนี้ ในปี 2020 ที่ผ่านมา ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan Chase ยังได้สร้างข้อมูลส่วนกลางขึ้นมา จากนั้นให้ระบบอัลกอริทึมดึงข้อมูลส่วนกลางมาวิเคราะห์การใช้งานบัตรเครดิตและธุรกรรมอื่น ๆ เพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าของบัญชีธนาคาร JPMorgan Chase

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.forbes.com/sites/geristengel/2019/10/30/kabbage-the-care-and-feeding-of-a-fintech-unicorn/?sh=6f73e5bcc212

3. ตัวช่วยบริหารความคาดหวังของลูกค้า

ประโยชน์ของ AI ด้านการเงิน ไม่ได้มีเพียงแค่ช่วยบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบความน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่สถาบันทางการเงินยังสามารถใช้ AI เพื่อช่วยบริหารความคาดหวังของลูกค้าได้เช่นกัน

Case Study:

เทคโนโลยี AI มีระบบประมวลผลที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ ธนาคารบางแห่งยังได้มีการพัฒนาแชทบอทที่มีเทคโนโลยี NLP ที่ช่วยให้ประมวลผลตามธรรมชาติภาษาของมนุษย์คอยตอบคำถามและให้คำปรึกษาด้านการเงินตลอด 24 ชั่วโมงได้

นอกจากนี้ สถาบันการทางเงินยังมีการนำระบบ AI มาใช้เพื่อแจ้งเตือนธุรกรรมที่น่าสงสัย ทำให้ผู้ใช้บริการลดความเสี่ยงการโดนล้วงข้อมูล ตลอดจนการโดนสวมรอยและธุรกรรมทางไซเบอร์อีกด้วย อย่างเช่นที่บริษัท Capital One จากสหรัฐอเมริกาสร้างผู้ช่วยเสมือนทางการเงินอย่าง Eno ขึ้นมาเพื่อแจ้งเตือนข้อมูลเชิงลึกให้กับลูกค้าผ่าน SMS

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.capitalone.com/tech/machine-learning/capital-ones-intelligent-assistant-why-we-built-enos-nlp-tech-in-house/

การใช้งาน AI ด้านการเงินส่วนบุคคล

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันทางการเงินแล้ว เทคโนโลยี AI ยังสามารถปรับใช้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับการเงินส่วนบุคคลได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นตัวช่วยเริ่มลงทุนแบบมีผู้ช่วยเท่านั้น แต่เทคโนโลยี AI ยังสามารถช่วยบริหารและสร้างแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพได้ ดังนี้

1. ช่วยวางแผนการเก็บออม

ระบบอัลกอริทึมสามารถประมวลผลจากแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพในอดีตเพื่อสร้างแผนการออมเงินที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานได้ ส่วนใหญ่แล้ว มักจะวิเคราะห์และสร้างแผนขึ้นเพื่อให้รายได้สอดคล้องกับรายจ่ายมากที่สุด จากนั้นจึงมองหาช่องว่างที่จะช่วยให้ออมเงินได้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้พัฒนาแต่ละแห่งอาจมีการปรับแต่งฟีเจอร์และใช้ AI เพื่อแนะนำการออมเงินที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานมากที่สุด

Case Study:

Qapital เป็นแอปวางแผนการออมเงินจากประเทศสวีเดนที่มีการใช้ระบบ AI ร่วมกับการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นพฤติกรรมการใช้เงิน จากนั้นผู้ใช้งานจะสามารถตั้งค่าระบบแจ้งเตือน หรือ แนะนำการออมเงินในวิธีที่ต้องการได้ เช่น ตั้งกฎการเก็บเงินขึ้นมา (Rules-Based Saving) เพื่อให้ AI วิเคราะห์รายได้ การใช้จ่าย และรูปแบบการออม ทำให้ออมเงินได้โดยไม่กระทบต่อรายจ่ายในส่วนอื่น

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.fool.com/the-ascent/personal-finance/qapital-review/

2. ช่วยบริหารค่าใช้จ่าย

นอกจากจะช่วยวางแผนเก็บออมแล้ว เทคโนโลยี AI ยังสามารถนำมาปรับใช้เป็นตัวช่วยบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอำนวยความสะดวกในด้านการทำรายรับรายจ่าย

แอปทางการเงินที่มีการใช้งานระบบ AI สามารถช่วยติดตามรายรับรายจ่ายได้จากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการใส่รายรับรายจ่ายด้วยตนเอง การเชื่อมต่อแอปเข้ากับบัญชีธนาคาร ไปจนถึงฟีเจอร์การสแกนใบเสร็จอัตโนมัติ จากนั้นระบบ AI จะสามารถคำนวณและวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงิน

Case Study:

ในปัจจุบันนี้ ต่างประเทศได้มีการใช้งานแอปบริหารค่าใช้จ่ายที่มีการใช้เทคโนโลยี AI มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mint, Empower Personal Wealth และ PocketGuard ที่เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร ทำให้สามารถติดตามการใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ พร้อมวิเคราะห์และแนะนำการปรับปรุงพฤติกรรมการใช้เงิน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน รายจ่าย และภาระทางการเงินแบบรอบด้าน

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.nerdwallet.com/article/finance/best-budget-apps

3. ช่วยวางแผนภาษี

ประโยชน์ของ AI ด้านการเงินยังครอบคลุมไปถึงการวางแผนภาษีอีกด้วย แม้ในประเทศไทยยังไม่มีแอป หรือ ฟีเจอร์สำหรับการวางแผนภาษีโดยเฉพาะ แต่หลายประเทศทั่วโลกได้มีการสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการวางแผนภาษีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Case Study:

TurboTax เป็นแอปจัดการภาษีจากสหรัฐอเมริกาที่มีการใช้เทคโนโลยี AI ที่ช่วยแนะนำการยื่นภาษีในสหรัฐฯ ทั้งยังมีอัลกอริทึมที่ช่วยตอบคำถามทางภาษีทุกรูปแบบ รวมไปถึงแนะนำการลดหย่อนภาษี ระบุการหักเงินและเครดิต เพื่อเพิ่มการคืนเงินสูงสุดและถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการและบริหารภาษีได้อย่างถูกกฎหมาย

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.cnbc.com/select/turbotax-review/

4. ผู้ช่วยวางแผนการลงทุน

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการเงินส่วนบุคคลแล้ว เทคโนโลยี AI ยังสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านของการกำหนดเงินลงทุน การเลือกสินทรัพย์ ตลอดจนช่วยซื้อขายสินทรัพย์ตามความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการได้

การเริ่มลงทุนโดยมี AI เป็นผู้ช่วยนี้ สามารถช่วยให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละช่วงเวลา ทั้งยังเป็นผู้ช่วยบริหารความเสี่ยงจากอารมณ์และประสบการณ์ของนักลงทุนอีกด้วย

Case Study:

Robo Advisor เป็นผู้ช่วยการลงทุนที่นักลงทุนสามารถกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ ตลอดจนผลลัพธ์ เงินลงทุน และความเสี่ยงที่รับไหว จากนั้น AI จะเป็นผู้แนะนำกองทุนรวมให้นักลงทุนพิจารณา เมื่อเลือกสินทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย ตัวระบบจะเป็นผู้ตัดสินใจซื้อขายในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนตามเงื่อนไขที่นักลงทุนกำหนดเอาไว้

อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.scbs.com/th/roboadvisor

นับตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน การใช้ AI กับการเงินได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตก็จะยิ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยตอบโจทย์การเงินส่วนบุคคลและอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น

สำหรับในประเทศไทย InnovestX มาพร้อมเทคโนโลยี AI ช่วยวางแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทุกคนเริ่มลงทุนแบบมีผู้ช่วยส่วนตัว ตอบโจทย์เป้าหมายที่ต้องการได้อย่างครอบคลุม เลือกแผนการลงทุน พร้อมเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกจากกูรูตัวจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเพียง 5,000 บาทก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพได้จาก กองทุนรวมศักยภาพสูงทั้งไทยและต่างประเทศ ดาวน์โหลดแอปฯ ได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play Store

หัวข้ออื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
กลับด้านบน