Keyword
ลงทุนก้าวแรก

ETF ต่างจากหุ้นและกองทุนรวมยังไง? สรุปเข้าใจง่ายในบทความเดียว

9 Oct 25 10:11 AM
Technical 2

ETF ต่างจาก “หุ้น” และ “กองทุนรวม” ยังไง? บทความเดียวเข้าใจครบ สำหรับนักลงทุนมือใหม่

หลายคนเริ่มลงทุนแล้วมักจะงงว่า… ETF คือหุ้น หรือกองทุนรวมกันแน่? ซื้อยังไง ต่างกันตรงไหน แล้วเราควรเริ่มจากอะไรดี?

บทความนี้ จะพาคุณเข้าใจ “3 พระเอกของโลกการลงทุน” —ทั้ง หุ้น, กองทุนรวม และ ETF

 

🟩 หุ้น (Stock): ลงทุนรายบริษัท มีโอกาสรับผลตอบแทนสูงแต่ตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูง

โดยการลงทุนในหุ้นคือ “การเป็นเจ้าของธุรกิจ” จริงๆ เช่น ถ้าคุณซื้อหุ้น SCB ก็เท่ากับเป็นเจ้าของ SCB ส่วนหนึ่งเลย

ข้อดี:

  • ผลตอบแทนสูง หากบริษัทเติบโต
  • มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล
  • ซื้อขายได้ทันทีในตลาดหุ้น

ข้อเสีย:

  • ต้องวิเคราะห์บริษัทเอง
  • มีความเสี่ยงจากข่าว เศรษฐกิจ และราคาผันผวน

🔍 เหมาะกับคนที่ชอบวิเคราะห์ ชอบเลือกเอง และรับความเสี่ยงได้สูง

 

🟦 กองทุนรวม (Mutual Fund): ให้มืออาชีพจัดการแทน ถ้าคุณไม่มีเวลาติดตามตลาดหรือไม่มั่นใจในการเลือกหุ้นเอง กองทุนรวมคือทางเลือกที่ดี เพราะมีผู้จัดการกองทุนช่วยลงทุนแทนคุณ

ข้อดี:

  • มีผู้เชี่ยวชาญบริหารพอร์ตให้
  • กระจายความเสี่ยงหลายสินทรัพย์
  • เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มลงทุนแบบไม่มีเวลาตามตลาด

ข้อเสีย:

  • ซื้อขายได้แค่วันละครั้ง (ตามราคา NAV)
  • ค่าธรรมเนียมมักสูงกว่าหุ้นหรือ ETF

💡 เหมาะกับคนที่อยากลงทุนระยะยาวแบบไม่ต้องตามตลาดทุกวัน

 

🟨 ETF (Exchange Traded Fund): กองทุนรวมที่ซื้อขายเหมือนหุ้น

ETF คือ “ลูกผสม” ระหว่างหุ้นกับกองทุนรวม 💫เป็นกองทุนรวมที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้นแบบเรียลไทม์ ราคาขึ้นลงตามกลไกตลาดเหมือนหุ้นทั่วไป

 

โดย ETF มี 3 ประเภท ได้แก่
1. Passive ETF

เป็น ETF ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ดัชนี SET50, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ราคาทองคำ หรือดัชนีตราสารหนี้
ตัวอย่าง Passive ETF เช่น TDEX ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี SET50

 

2.Active ETF
ต่างจาก Passive ETF ตรงที่มี ผู้จัดการกองทุนบริหารเชิงรุก เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิง

ตัวอย่าง Active ETF เช่น JPMorgan Global Select Equity ETF เป็น Active ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก

 

3.Leveraged & Inverse (L&I) ETF
ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนระยะสั้น โดยเน้นสร้างผลตอบแทนรายวันในลักษณะทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง

ตัวอย่าง Leveraged & Inverse (L&I) ETF เช่น 2X01SET50 มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนทวีคูณแบบรายวันเป็น 2 เท่า ของ SET50

 

 

ข้อดี-ข้อเสียของ ETF

 

ข้อดีของ ETF:

  • เริ่มต้นง่าย กระจายความเสี่ยงเหมือนกองทุนรวม เช่น ลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงตามดัชนี S&P500 ก็เปรียบเหมือนว่าเราได้ซื้อหุ้น 500 ตัว
  • ซื้อขาย real time ได้ตลอดวันเหมือนหุ้น สามารถเลือกราคาที่อยากซื้อและขายได้
  • ค่าธรรมเนียมมักต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป
  • กำไรที่ได้จากการซื้อขาย ไม่ต้องเสียภาษี
  • มีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ทำให้ราคาซื้อขายสอดคล้องกับการขึ้นลงของดัชนีอ้างอิงอยู่เสมอ

 

ข้อเสียของ ETF:

  • ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด เนื่องจาก ETF ติดตามดัชนีหรือสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้มูลค่า ETF ผันผวนตามตลาด
  • มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหากลงทุนในต่างประเทศ

ตารางสรุปเปรียบเทียบ Picture-ETF.png

 

💡 เลือกอะไรดีระหว่าง “หุ้น – กองทุนรวม – ETF”?

💬 แล้ว ETF ดีกว่าหรือแย่กว่ากันแน่?  ETF ไม่ได้ “ดีกว่า” หรือ “แย่กว่า” หุ้นและกองทุนรวม แต่มัน “ต่างกัน” และตอบโจทย์คนละแบบ

 

ถ้าคุณอยาก “ถือหุ้นหลายตัวแบบกระจายความเสี่ยง และซื้อขายได้แบบ Real-Time”
ETF (Exchange Traded Fund) คือคำตอบที่ใช่ เพราะ ETF รวมข้อดีของทั้งหุ้นและกองทุน— กระจายความเสี่ยงได้เหมือนกองทุนรวมแต่ซื้อขายได้ทันทีเหมือนหุ้น เหมาะกับคนที่อยากบริหารพอร์ตเองแต่ไม่อยากเลือกหุ้นรายตัว

 

ถ้าคุณอยาก “ลงทุนระยะยาว โดยไม่ต้องการซื้อขายแบบ Real-Time ในหุ้นหลายตัวแบบกระจายความเสี่ยง” →💼 กองทุนรวม (Mutual Fund) คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แค่เลือกกองทุนที่ตรงกับเป้าหมาย จากนั้นผู้จัดการกองทุนจะจัดพอร์ตและปรับพอร์ตให้เหมาะกับคนที่อยากลงทุนระยะยาวแบบสบายใจ ไม่ต้องเฝ้าตลาดทุกวัน

 

แต่ถ้าคุณมั่นใจในตัวเอง “ชอบวิเคราะห์ คัดเลือกหุ้น และอยากมีอิสระเต็มที่ในการตัดสินใจลงทุน”หุ้นรายตัว (Stock) คือทางที่คุณตามหา  คุณสามารถเลือกได้เองทุกอย่าง ตั้งแต่บริษัท อุตสาหกรรม ไปจนถึงจังหวะซื้อ-ขาย
เหมาะกับคนที่อยากควบคุมพอร์ตแบบ 100% และพร้อมรับความผันผวนได้สูง

 

 

ETF ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย

  

  • VT: เป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก ครอบคลุมทั้งตลาดประเทศพัฒนาแล้วและตลาดประเทศเกิดใหม่ โดยมีนโยบายติดตามดัชนีอ้างอิง FTSE Global All Cap Index ซึ่งสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นโลกอย่างครบถ้วน จึงสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกภายใต้กองทุนเดียว และมุ่งเน้นการเติบโตของพอร์ตในระยะยาว
  • VOO: เป็นกองทุน ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 ซึ่งรวมหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐฯ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีประวัติการดำเนินงานมั่นคง
  • VTI: เป็น ETF ที่ติดตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด (Total Stock Market) ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็กในหลายภาคส่วน ทำให้มีการกระจายการลงทุนที่กว้างกว่าการลงทุนใน VOO จึงช่วยลดความเสี่ยงได้ดีกว่า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงโดยรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด
  • QQQM: เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและบริษัทกลุ่ม Growth ที่มักมีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น หุ้นใน NASDAQ-100 แต่มีความผันผวนสูงกว่ากองทุน ETF ที่เน้นหุ้นขนาดใหญ่ทั่วไป จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมองหาการเติบโตในระยะยาว
  • GLDM: เป็น ETF ที่ลงทุนในทองคำแท่งจริง (Physical Gold) โดยอ้างอิงราคาทองคำโลก (Gold Spot Price) ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และลดความผันผวนของพอร์ตในช่วงตลาดหุ้นผันผวน เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและถือระยะยาว
  • SGOV: เป็น ETF ลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 0–3 เดือน ซึ่งจัดอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง แต่ยังอยากได้รับผลตอบแทนในรูปแบบ เงินปันผลรายเดือน

 

🚀 สรุปท้ายบท (Key Takeaway)

ETF เหมือน “สะพาน” ระหว่างหุ้นกับกองทุนรวม ให้คุณเริ่มต้นลงทุนแบบง่าย และกระจายความเสี่ยง

💬 “อยากเริ่มเล็กแต่โตได้ไกล? ลองเปิดพอร์ตแรกด้วย ETF ที่ใช่สำหรับคุณ”

 

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5