5 กองทุนรวมต่างประเทศน่าลงทุน กระจายความเสี่ยงสู่ตลาดโลก

  

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ

การลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายโอกาสสร้างผลตอบแทน โดยมีข้อดีหลายประการ ได้แก่

• การกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การลงทุนในตลาดทั่วโลก คุณไม่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเพียงอย่างเดียว จึงช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเติบโตของตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง หรือมีนวัตกรรมที่โดดเด่น
• การเข้าถึงอุตสาหกรรมที่ไม่มีในประเทศไทย เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้า หรือบริษัทชั้นนำระดับโลก ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความหลากหลายมากขึ้น
• การมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแลการลงทุน ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการติดตามข่าวสารต่างประเทศ และการวิเคราะห์การลงทุนด้วยตนเอง
• ความสะดวกในการลงทุน เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรง อาจมีข้อจำกัดด้านเงินลงทุนและความซับซ้อนในการทำธุรกรรม

  

ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกลงทุน

การเลือกลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้

• นโยบายการลงทุนของกองทุน ควรศึกษาก่อนว่า กองทุนที่คุณสนใจเน้นลงทุนในภูมิภาคใด อุตสาหกรรมอะไร และประเภทสินทรัพย์แบบไหน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• ผลการดำเนินงานย้อนหลังและความผันผวน ควรพิจารณาทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา เพื่อประเมินความสม่ำเสมอในการสร้างผลตอบแทนสำหรับอนาคต 
• ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย อย่าลืมศึกษาถึงค่าธรรมเนียมการจัดการ ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งผลต่อผลตอบแทนสุทธิที่จะได้รับ
• นโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ควรทำความเข้าใจ ว่ากองทุนนั้น ๆ มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร เพื่อประเมินผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
• ขนาดกองทุนและความน่าเชื่อถือของทีมผู้จัดการกองทุน พิจารณาขนาดของกองทุนที่จะส่งผลต่อความคล่องตัวในการบริหาร และประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุน
• สภาพคล่องในการซื้อขาย ตรวจสอบความถี่ในการเปิดรับซื้อขาย และระยะเวลาในการชำระเงินค่าขายคืน

  

  

กลยุทธ์การจัดพอร์ตกองทุนรวมต่างประเทศ

การจัดพอร์ตการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญดังนี้

• การกระจายความเสี่ยง ควรกระจายการลงทุนไปในหลายภูมิภาค หลายอุตสาหกรรม และหลายประเภทสินทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัว
• สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม ควรจัดสรรเงินลงทุนให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายการลงทุน โดยทั่วไปแนะนำให้ลงทุนในกองทุนต่างประเทศไม่เกิน 30-50% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
• ระยะเวลาการลงทุน ควรวางแผนการลงทุนในระยะยาว อย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป เพื่อให้สามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้

  

แนะนำ 5 กองทุนรวมต่างประเทศที่น่าลงทุน

InnovestX คัดสรร 5 กองทุนรวมยอดนิยมที่โดดเด่นด้านผลการดำเนินงานในปี 2566 และมีศักยภาพเติบโตที่ดีในระยะยาว ครอบคลุมการลงทุนในตลาดสำคัญทั่วโลก ตั้งแต่ตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตสูงอย่างเวียดนาม พร้อมด้วยกองทุนเฉพาะทางที่ลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างเซมิคอนดักเตอร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวน

  

1. SCBS&P500

กองทุนที่ลงทุนในดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่าตลาดกว่า 42 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครอบคลุม 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมีผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีเฉลี่ย 11.02% ต่อปี*กระจายการลงทุนในหุ้นยักษ์ใหญ่ 500 บริษัท เช่น Apple, Microsoft, Alphabet และ Amazon เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดที่มั่นคงและมีสภาพคล่องสูง สามารถใช้เป็นกองทุนหลักในการลงทุนระยะยาวแบบ DCA สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง

*ข้อมูล ณ วันที่ 29 มกราคม 2568

  

2. SCBSEMI(A)

กองทุนที่เจาะจงลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจของเทคโนโลยี AI และนวัตกรรมแห่งอนาคต โดย SIA คาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2573 โดยจะเป็นการลงทุนในบริษัทระดับโลกอย่าง TSMC และ Broadcom เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง และสามารถรับความผันผวนได้ ควรใช้เป็นส่วนเสริมในพอร์ตประมาณ 5-15% สำหรับเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

  

3. SCBWORLD

กองทุนที่ให้โอกาสลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกผ่าน iShares MSCI World ETF กระจายการลงทุนใน 23 ประเทศพัฒนาแล้ว ครอบคลุมอุตสาหกรรมสำคัญทั้งเทคโนโลยี การเงิน และบริการสุขภาพ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว ด้วยการกระจายความเสี่ยงที่ดีและมีสภาพคล่องสูง สามารถใช้เป็นกองทุนหลักของพอร์ตสำหรับการลงทุนแบบ DCA หรือ Buy and Hold โดยเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง

  

4. UGISFX-N

กองทุนตราสารหนี้คุณภาพสูงที่กระจายการลงทุนทั่วโลกผ่าน PIMCO GIS Income Fund ซึ่งมีประวัติผลตอบแทนที่โดดเด่นเฉลี่ย 5.05% ต่อปีในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความสมดุลในพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอและรับความเสี่ยงได้ปานกลาง

  

5. Principal VNEQ-A

เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง อีกทั้งรัฐบาลเวียดนามยังมีการตั้งเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ GDP ของประเทศเติบโตเฉลี่ยถึง 8-10% ต่อปีภายในปี พ.ศ. 2568 บวกกับกองทุน Principal VNEQ-A ที่ครองแชมป์ผลการดำเนินงานอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนเวียดนามปี พ.ศ. 2566 ที่เน้นลงทุนกับบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นเวียดนามอย่าง FPT Corporation และ Mobile World Investment จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ และสามารถรับความเสี่ยงสูงได้ ตอบโจทย์กับการลงทุนระยะยาว 5-10 ปีขึ้นไป โดยสามารถจัดสรรเป็นส่วนเสริมในพอร์ตประมาณ 5-10% เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

  

คุณพร้อมที่จะก้าวสู่การลงทุนในกองทุนรวมระดับโลกหรือยัง ? เริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศได้ง่าย ๆ กับ InnovestX แพลตฟอร์มการลงทุนที่เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงตลาดการลงทุนทั่วโลก ดาวน์โหลด InnovestX วันนี้ เพื่อซื้อกองทุนรวมและเริ่มต้นสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและเติบโตไปพร้อมกับโอกาสการลงทุนระดับโลก ด้วยประสบการณ์การลงทุนที่ราบรื่น ปลอดภัย และเข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้ว โอกาสการลงทุนที่หลากหลายกำลังรอคุณอยู่

  

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

  

ข้อมูลอ้างอิง: 

1. Why International Investing Makes Sense for Long-Term Investors. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 จาก https://www.morningstar.com/bonds/why-international-investing-holds-value-long-term-investors
2. GDP เวียดนามจะแตะ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 จาก https://thaibiz-vietnam.com/economy/gdp-เวียดนามจะแตะ-500000-ล้านดอล/