ใครที่กำลังอยากลงทุนในตราสารหนี้ต้องอ่าน! สรุปสิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นลงทุนฉบับมือใหม่ มาดูกันว่าตราสารหนี้คืออะไร มีวิธีซื้อขายอย่างไรบ้าง
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจผันผวนเช่นนี้ จะลงทุนทั้งที ก็ต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อน ซึ่งหนึ่งในวิธีลงทุนที่จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรได้ ก็คือวิธีกระจายความเสี่ยงไปหลาย ๆ สินทรัพย์ โดยในวันนี้เราจะชวนนักลงทุนมือใหม่มารู้จักกับ "ตราสารหนี้" สินทรัพย์ที่ได้ชื่อว่ามีความเสี่ยงน้อย และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ มาดูกันว่าตราสารหนี้คืออะไร และหากอยากจะลงทุนในตราสารหนี้ ต้องเริ่มอย่างไรบ้าง
ตราสารหนี้คืออะไร?
ตราสารหนี้ (Bond Market) คือ สินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ผู้ลงทุนจะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกตราสารหนี้ จะมีสถานะเป็นลูกหนี้ ซึ่งผู้ออกตราสารหนี้นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก คือ "รัฐบาล" และ "บริษัท" หากเป็นตราสารหนี้ที่ทางรัฐออก จะเรียกว่า "พันธบัตรรัฐบาล" และหากเป็นตราสารหนี้ที่ทางบริษัทออกจะเรียกว่า "ตราสารหนี้เอกชน" หรือ "หุ้นกู้เอกชน"
● ตัวอย่างพันธบัตรรัฐบาล
○ พันธบัตรออมทรัพย์
○ พันธบัตรรัฐบาลแบบดอกเบี้ยคงที่
○ พันธบัตรรัฐบาลแบบชดเชยเงินเฟ้อ
● ตัวอย่างตราสารหนี้เอกชน
○ ตั๋วแลกเงิน
○ หุ้นกู้
○ ตั๋วสัญญาใช้เงิน
ตราสารหนี้ระยะสั้น ระยะกลาง และตราสารหนี้ระยะยาว ต่างกันอย่างไร?
นอกจากคำถามที่ว่าตราสารหนี้คืออะไร เชื่อว่าอีกหนึ่งเรื่องที่นักลงทุนมือใหม่น่าจะเคยได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือเรื่องการแบ่งอายุของตราสารหนี้ ที่มีตั้งแต่ระยะสั้นไปจนถึงระยะยาว เรามาดูกันว่าตราสารหนี้ระยะสั้น ระยะกลาง และตราสารหนี้ระยะยาว คืออะไร แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
● ตราสารหนี้ระยะสั้น
ตราสารหนี้ระยะสั้น คือ ตราสารหนี้ที่มีอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี ซึ่งเนื่องจากเป็นตราสารหนี้ที่ใช้ระยะเวลาสั้นในการลงทุน ผลตอบแทนจึงต่ำกว่าตราสารหนี้อื่น ๆ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต่ำตามไปด้วย
● ตราสารหนี้ระยะกลาง
ตราสารหนี้ระยะกลาง คือ ตราสารหนี้ที่มีอายุ 2-10 ปี ถือเป็นตราสารหนี้ที่ตอบโจทย์กับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่าตราสารหนี้ระยะยาว และมาพร้อมกับผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น
● ตราสารหนี้ระยะยาว
ตราสารหนี้ระยะยาว คือ ตราสารหนี้ที่มีอายุ 10-30 ปี เป็นตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาในการถือครองนาน ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และยังเป็นรูปแบบของตราสารหนี้ที่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินได้เป็นอย่างดี เพราะผู้ลงทุนจะต้องถือครองไปจนกว่าจะครบกำหนด แต่ข้อควรระวังก็คือ ระยะเวลาในการถือครองที่นานนั้นอาจทำให้ผู้ลงทุนต้องเจอกับความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ได้เช่นกัน
การซื้อขายตราสารหนี้
● ซื้อขายในตลาดแรก (Primary Market)
การซื้อขายในตลาดแรก คือ การลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกขายเป็นครั้งแรก โดยผู้ออกตราสารหนี้จะเสนอขายตราสารหนี้ให้กับนักลงทุนโดยตรง หากนักลงทุนสนใจซื้อ ก็จะต้องทำการจองซื้อกับสถาบันการเงิน หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย และต้องทำการชำระเงินก่อนที่การเสนอขายจะสิ้นสุดลง
● ซื้อขายในตลาดรอง (Secondary Market) หรือ Over the Counter (OTC)
การซื้อขายในตลาดรอง คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนตราสารหนี้ระหว่างนักลงทุนด้วยกัน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อกับสถาบันการเงิน หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่ดูแล เพื่อแจ้งความต้องการ และเริ่มทำการซื้อขาย
ซึ่งจุดเด่นของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองก็คือ เป็นช่องทางที่มีสภาพคล่องสูง และง่ายต่อการซื้อขาย เพราะมีนักลงทุนจำนวนมากที่ต้องการขายตราสารหนี้ และมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่พลาดการจองซื้อตราสารหนี้จากตลาดแรก หรือต้องการลงทุนในตราสารหนี้อื่น ๆ
เพิ่มเติม การซื้อขายในตลาดรองจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่นักลงทุนจะได้มาซื้อขายเปลี่ยนมือกัน
เลือกตราสารหนี้อย่างไรให้น่าลงทุน
ถึงแม้ว่าตราสารหนี้จะได้ชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ แต่การเลือกตราสารหนี้ที่ดี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ทำให้เราได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ สำหรับมือใหม่ที่สนใจการลงทุนในตราสารหนี้
ขอแนะนำว่าให้เลือกจาก “อันดับความน่าเชื่อถือ” ซึ่งเป็นการจัดอันดับโดยสถาบันที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย (กลต.) ซึ่งปัจจุบันนี้ในประเทศไทยจะมีสถาบันจัดอันดับที่ผ่านการรับรองอยู่ด้วยกัน 2 แห่ง คือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ดังต่อไปนี้
● กลุ่ม Investment Grade (กลุ่มระดับลงทุน)
คือ กลุ่มตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งกลุ่มที่น่าเชื่อถือที่สุดจะอยู่ในระดับ AAA หมายถึง เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดที่จะผิดนัดหนี้ หรือไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ไล่ลงไปจนถึงระดับ BBB- หมายถึง เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะชำระหนี้ได้ในระดับปานกลาง
● กลุ่ม Non-Investment Grade (กลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน)
คือ กลุ่มตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำลงมา มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่ก็มาพร้อมกับผลตอบแทนที่สูง ดังนั้นกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่เหมาะกับการลงทุนโดยเฉพาะ และนักลงทุนจะต้องมีการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ
● กลุ่ม Unrated Bond (ไม่มีการจัดอันดับเครดิต)
คือ กลุ่มตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการพิจารณาในการจัดอันดับ ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด แต่ก็มีผลตอบแทนที่สูงมากเช่นเดียวกัน ซึ่งตราสารหนี้ในกลุ่มนี้จะเสนอขายให้กับนักลงทุนที่เป็นสถาบัน หรือบุคคลที่มีสินทรัพย์มากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องของตราสารหนี้ ที่อาจช่วยให้นักลงทุนมือใหม่ได้ทำความเข้าใจและมองเห็นโอกาสคว้ากำไรจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้กันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ก่อนที่จะลงทุนในตราสารหนี้
นักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับ พร้อมศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจลงทุนแล้ว ก็ต้องหมั่นติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการพอร์ตลงทุน และกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งสำหรับใครที่พร้อมแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนอย่างมั่นใจไปกับ InnovestX แพลตฟอร์มการลงทุนที่คัดสรรตราสารหนี้ที่มีคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ ให้คุณลงทุนได้อย่างสะดวกสบายเพียงปลายนิ้ว มีทั้งหุ้นกู้และพันธบัตรต่างประเทศที่พร้อมให้คุณลงทุน เปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศบนแอปพลิเคชัน InnovestX ได้แล้ววันนี้ ฟรี! ค่าใช้จ่าย พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย ให้คุณเริ่มลงทุนหุ้นต่างประเทศกับบริษัทชั้นนำทั่วโลก พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด สมัครเลย
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน