NVIDIA Corporation (NVDA) คือบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ จะมีใครคิดบ้างว่าบริษัทที่เริ่มต้นจากการทำกราฟิกการ์ดสำหรับเล่นเกม จะกลายเป็นอาณาจักรเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ และกลายเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนปฏิวัติ AI ทั่วโลก! NVIDIA โชว์ผลงานสุดปังด้วยผลตอบแทนสูงถึง 171.2% ในปี 2024 สะท้อนความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างแท้จริง ในขณะที่บริษัทยังคงผูกขาดตลาด AI Training และ Inference เกือบทั้งหมด พร้อมครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริการองจาก Apple นี่คือ NVIDIA หุ้นเทคโนโลยีที่กำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในยุค AI และเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการประมวลผลทั่วไป (General-Purpose Computing) สู่การประมวลผลที่เร่งความเร็ว (Accelerated Computing) อย่างเต็มตัว
NVIDIA ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 โดย Jensen Huang ผู้มีวิสัยทัศน์ในการสร้างชิปเฉพาะทางสำหรับการประมวลผลกราฟิก การคิดค้น GPU (Graphics Processing Unit) ครั้งแรกในปี 1999 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ไม่เพียงแค่ปฏิวัติวงการเกมคอมพิวเตอร์ แต่ยังวางรากฐานให้กับการวิจัยด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สมัยใหม่อย่างลึกซึ้ง
แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตหลายครั้ง ทั้งการแตกฟองของ Dot-com Bubble และวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 NVIDIA ก็สามารถยืนหยัดและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ความสำเร็จของบริษัทไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ์ดจอสำหรับเกมเมอร์ แต่ยังขยายไปสู่ตลาดการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing) และจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการเปิดตัวเทคโนโลยี CUDA ในปี 2006 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเขียนโปรแกรมแบบขนานที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถใช้พลังของ GPU ในงานอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการเรนเดอร์กราฟิก
ก้าวกระโดดครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ ChatGPT เปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 จุดชนวนให้ความต้องการชิปประมวลผล AI เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล NVIDIA กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในปี 2023 และในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน บริษัทก็สามารถก้าวข้ามมูลค่าตลาดที่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ
ต่อเนื่องในปี 2024 NVIDIA ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรม Blackwell ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพการประมวลผลระดับสูงสุดสำหรับงานด้าน AI โดยเฉพาะ กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำบทบาทของบริษัทในฐานะผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก
โครงสร้างรายได้ของ NVIDIA สะท้อนให้เห็นถึงการครอบงำตลาด AI และ Data Center อย่างชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI‑Driven และการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน Data Center เพื่อตอบรับความต้องการชิปประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT, Google Gemini, และ Meta Llama
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการขยายตัวของ Cloud Gaming, eSports และความนิยมของกราฟิกคุณภาพสูงที่ต้องใช้ GPU ประสิทธิภาพสูง เช่น GeForce โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และตลาดเกิดใหม่
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการใช้งานกราฟิกขั้นสูงในอุตสาหกรรม เช่น CAD, Animation, Metaverse, AR/VR และ Simulation ที่ต้องใช้การเรนเดอร์แบบเรียลไทม์
กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) และระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) ที่ต้องพึ่งพา AI และ GPU สำหรับประมวลผลภาพและการตัดสินใจแบบ real‑time
สัดส่วน Data Center ที่พุ่งสูง แสดงให้เห็นว่าธุรกิจของ NVIDIA ได้เปลี่ยนจาก “บริษัทการ์ดจอ” ไปเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของ AI”
NVIDIA มีจุดแข็งที่โดดเด่นจากการเป็นบริษัทเดียวที่พัฒนาระบบการประมวลผลแบบครบวงจร ตั้งแต่ระดับชิป ระบบ ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการออกแบบวิธีการคำนวณ บริษัทไม่ได้ผลิตแค่ชิปที่เร็ว แต่สร้างระบบที่ช่วยให้การใช้งาน AI และการประมวลผลเร็วขึ้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบ CUDA ของ NVIDIA มีนักพัฒนากว่า 5.9 ล้านคน และมีการดาวน์โหลดสะสมกว่า 53 ล้านครั้ง โดยมีชุดเครื่องมือกว่า 400 ชุดที่ช่วยเร่งความเร็วการประมวลผลในหลากหลายสาขา ตั้งแต่การประมวลผลภาพ การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึง AI และระบบเรียนรู้ของเครื่อง
หนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดคือสถาปัตยกรรม Blackwell ที่ออกแบบมาเพื่อการฝึกสอน AI และการประมวลผลแบบเรียลไทม์สำหรับระบบปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมี NVIDIA NIM ที่เป็นบริการขนาดเล็กสำหรับการนำระบบ AI ไปใช้งานจริงอย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ในทุกระบบ
Nvidia เตรียมประกาศผลประกอบ Q1/2025 ในวันที่ 29 พ.ค. 68 นี้ นักวิเคราะห์คาดยอดขาย $43.38 พันล้าน เพิ่ม 66% จากปีก่อน กำไรสุทธิ $21.29 พันล้าน หรือ 87 เซนต์ต่อหุ้น บริษัทยังคงได้ประโยชน์จากการลงทุน AI ของยักษ์ใหญ่อย่าง Meta, Google, Apple, Amazon และ Microsoft แม้จะมีข้อจำกัดการส่งออกไปจีน ($5.5 พันล้านผลกระทบ) แต่จีนคิดเป็นเพียง 5% ของยอดขายรวม นักวิเคราะห์ 16 จาก 18 คนให้เรทติง "ซื้อ" เป้าหมายราคา $164 คาดขึ้น 25%
เมื่อเปรียบเทียบกับ Advanced Micro Devices (AMD) ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักในตลาดการ์ดจอและศูนย์ข้อมูล จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน AMD มุ่งเน้นการแข่งขันด้านราคาและการประหยัดพลังงาน โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งตัวประมวลผลหลักและการ์ดจอ แต่ในตลาด AI และศูนย์ข้อมูล ยังไม่สามารถสร้างระบบที่ครบวงจรเหมือน NVIDIA ได้ ในขณะที่ NVIDIA มีความได้เปรียบด้านซอฟต์แวร์ที่พัฒนามายาวนาน และมีชุมชนนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถสร้างความผูกพันและความต้องการใช้งานต่อเนื่องได้ดีกว่า
เมื่อเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับ HANA Microelectronics (HANA) ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่ให้บริการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และประกอบทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ จะเห็นความแตกต่างในแบบจำลองธุรกิจอย่างชัดเจน HANA เป็นผู้รับจ้างผลิตที่ให้บริการประกอบและทดสอบชิปอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ การประกอบแผงวงจรพิมพ์ การประกอบและทดสอบชิป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น อุปกรณ์ระบุตัวตนแบบไร้สาย โดยมีโรงงานผลิตใน 7 แห่งทั่วเอเชีย ในขณะที่ NVIDIA เป็นบริษัทที่เน้นการออกแบบชิปและพัฒนาซอฟต์แวร์ แล้วจ้างบริษัทอื่นอย่าง TSMC ในการผลิต แบบจำลองธุรกิจของ HANA จึงอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ส่วน NVIDIA อยู่ในตำแหน่งผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีและกำหนดทิศทางอุตสาหกรรม
แม้ว่า NVIDIA จะมีความสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การพึ่งพาผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง TSMC ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการผลิตและการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคเอเชีย การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งทั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพ AI ใหม่ๆ ที่พยายามสร้างทางเลือกอื่นในตลาด นอกจากนี้ ความผันผวนของตลาด AI และสกุลเงินดิจิทัลที่เคยส่งผลกระทบต่อยอดขายการ์ดจอในอดีต รวมถึงการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อบางประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการเติบโตในอนาคต
NVIDIA มีโอกาสการเติบโตที่น่าตื่นเต้นในหลายมิติ การพัฒนาโรงงาน AI ที่เป็นรูปแบบใหม่ของศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการประมวลผล AI จะเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของระบบ AI ที่สามารถโต้ตอบกับโลกแห่งความจริงและหุ่นยนต์ การพัฒนารถยนต์ที่ขับเองได้ที่ต้องอาศัยการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ความก้าวหน้าในด้าน AI สร้างสรรค์ที่ทำให้เกิดการใช้งาน AI ในรูปแบบใหม่ๆ ในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการขยายตัวของการประมวลผลแบบกระจายและการสร้างโลกจำลองที่จะทำให้ NVIDIA สามารถเข้าถึงตลาดที่หลากหลายมากขึ้น การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ผลิตรถยนต์ บริษัทเทคโนโลยี และองค์กรภาครัฐ จะช่วยให้ NVIDIA คงความเป็นผู้นำในยุค AI ต่อไป
------
สนใจลงทุนในหุ้น NVIDIA (Ticker: NVDA หรือ DR: NVDA80) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด
สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน