Pop Mart (9992.HK)
PDF Available  
Company History

POPMART23 DR23 จาก InnovestX กับโอกาสลงทุน Pop Mart (9992.HK): จากของเล่นดีไซน์เนอร์จีน สู่แบรนด์คาแรกเตอร์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย IP

18 Nov 25 9:55 AM
สรุปสาระสำคัญ

Pop Mart International Group (POPMART23) เป็นบริษัทสัญชาติจีนที่เริ่มต้นจากการสร้างแบรนด์ของเล่นดีไซน์เนอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเน้นการพัฒนา IP (intellectual property) ตัวละครที่มีความโดดเด่น เช่น MOLLY, LABUBU, SKULLPANDA และ THE MONSTERS เพื่อสร้างคุณค่าทางอารมณ์และความผูกพันกับผู้บริโภค บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจากตลาดในประเทศจีนสู่ระดับโลก ผ่านกลยุทธ์ Global DTC (Direct-to-customers) โดยเปิดร้านค้าในประเทศต่างๆ รวมถึงไทย เวียดนาม อิตาลี และสเปน พร้อมขยายแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง รายได้กว่า 97.6% มาจากผลิตภัณฑ์ที่บริษัทพัฒนาเอง โดยเฉพาะกลุ่ม Artist IPs ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จและผลักดันให้อัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 117% ในปี 2024

Pop Mart มีจุดแข็งในด้านการสร้าง ecosystem ของแบรนด์ที่เชื่อมโยงสินค้า ประสบการณ์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ทั้งในรูปแบบของ Consumer Products, Experiences และ Digital Entertainment ทำให้แบรนด์ไม่เพียงขายของเล่น แต่ยังขายประสบการณ์และโลกของตัวละครร่วมสมัย ที่มีมูลค่าทางอารมณ์สูง เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง MINISO หรือ Moshi Moshi Retail Corporation จากไทย Pop Mart โดดเด่นกว่าในด้านอัตรากำไรขั้นต้น (66.8%) และความสามารถในการสร้างมูลค่า IP ระดับโลก จากกลยุทธ์ IP-driven และการขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะพัฒนา IP ใหม่ๆ และผสานเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อผลักดันให้ Pop Mart กลายเป็นผู้นำด้านแบรนด์คาแรกเตอร์ระดับโลกในอนาคต

ประวัติและความเป็นมาของ Pop Mart International Group

Pop Mart International Group Limited กำเนิดขึ้นในประเทศจีนโดยมีจุดเริ่มต้นจากการสร้างแบรนด์ Pop Culture ของเล่นดีไซน์เนอร์ (pop toys) ที่มุ่งเน้นการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ผ่านตัวละคร (IP) ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทย่อยหลายแห่งในช่วงระหว่างปี 2016–2019 เช่น Tianjin Pop Mart Cultural Communication Co., Ltd., Beijing Pop Mart Trading Co., Ltd., และ Pop Mart Hong Kong Limited เพื่อขยายเครือข่ายการผลิต การขาย และการดำเนินงานสู่ระดับภูมิภาคและต่างประเทศ

 

หลังจากประสบความสำเร็จในตลาดจีน Pop Mart ได้เร่งขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก โดยตั้งบริษัทในประเทศสำคัญต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ (2019), สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย (2021), เวียดนามและไทย (2023) รวมถึงยุโรป เช่น อิตาลีและสเปน เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ Global DTC ที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคทั่วโลกโดยตรง บริษัทได้พัฒนา IP ที่ได้รับความนิยมระดับโลก เช่น MOLLY, LABUBU, SKULLPANDA, และ THE MONSTERS ซึ่งช่วยผลักดันให้ Pop Mart เติบโตจากแบรนด์ของเล่นดีไซน์เนอร์ในจีน สู่การเป็นผู้นำด้าน Cultural Consumer Brand ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงค่านิยมและอัตลักษณ์ของผู้บริโภค เพื่อก่อให้เกิดความรู้สึกและคุณค่าที่มีต่อสินค้าและแบรนด์ ให้สามารถนั่งในใจของผู้บริโภคได้

 

โครงสร้างรายได้และแหล่งรายได้หลัก

  1. ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเอง (Proprietary Products) — 97.6% ของรายได้รวม
    สัดส่วนรายได้หลักของ Pop Mart มาจากผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเอง คิดเป็น6% ของรายได้รวมปี 2024 หรือ RMB 12,721.5 ล้าน โดยหมวดนี้เติบโต 117.2% YoY ตอกย้ำว่าสินค้าที่บริษัทสร้างเอง คือแกนกลางของโมเดลรายได้ทั้งกลุ่ม
    ภายในหมวดนี้แบ่งเป็น Artist IPs และ Licensed IPs โดยเฉพาะ Artist IPs (เช่น THE MONSTERS, MOLLY, SKULLPANDA, CRYBABY) ที่คิดเป็น 85.3% ของรายได้รวมในปี 2024 ขณะที่ Licensed IPs อยู่ที่ 12.3% รายละเอียดย่อยของ Artist IP ชั้นนำ ได้แก่ THE MONSTERS (23.3%), MOLLY (16.1%), SKULLPANDA (10.0%), CRYBABY (8.9%), DIMOO (7.0%), HIRONO (5.6%), Zsiga (1.9%), HACIPUPU (1.7%), และกลุ่ม Other artist IPs (10.8%) ของรายได้รวม แสดงให้เห็นฐานรายได้ที่กระจายตัวบนพอร์ตคาแรกเตอร์หลักหลายตัว ไม่ได้พึ่งพาเพียง IP เดียว

 

  1. จัดซื้อภายนอกและอื่นๆ (External Procurement & Others) — 2.4% ของรายได้รวม
    หมวดจัดซื้อภายนอกและอื่นๆ มีสัดส่วน4% ของรายได้รวมในปี 2024 คิดเป็น RMB 316.2 ทำให้ภาพรวมโครงสร้างรายได้ของบริษัทเอนเอียงไปที่ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเองมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนในตัวเลขสัดส่วนรวมตามที่บริษัทรายงานไว้
    ด้วยสัดส่วนที่เล็กเมื่อเทียบกับหมวดหลัก การเปลี่ยนแปลงของ จัดซื้อภายนอกและอื่นๆ ส่งผลจำกัดต่อภาพรวมกำไรขั้นต้นและทิศทางธุรกิจเมื่อเทียบกับแรงขับจาก Proprietary Products อย่างไรก็ดี การคงอยู่ของหมวดนี้ช่วยรักษาความยืดหยุ่นเชิงพอร์ตสินค้าในระดับหนึ่ง ในขณะที่แกนยุทธศาสตร์รายได้ของกลุ่มยังคงอยู่ที่การสร้างและขยาย Artist IPs และ Licensed IPs ภายใต้หมวดผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเองของบริษัทตามที่ระบุในรายงานประจำปี 2024

 

Screenshot-2025-11-18-095758.png

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็ง

  1. กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ: การขับเคลื่อนด้วย IP (IP-Centric Strategy)

Pop Mart มุ่งสร้างระบบนิเวศทางพาณิชย์ที่ขับเคลื่อนด้วย IP (IP-centric commercial ecosystem) โดยเน้นการพัฒนาและขยายมูลค่าของ IP อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภคทั่วโลก บริษัทเชื่อว่า IP มีพลังในการข้ามข้อจำกัดด้านภาษาและวัฒนธรรม จึงพัฒนา IP หลักเช่น MOLLY, LABUBU, SKULLPANDA และ THE MONSTERS ให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น นอกจากนี้ Pop Mart ยังแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 แกนสำคัญ ได้แก่ Consumer Products, Services & Experiences และ Digital Entertainment เพื่อสร้างระบบการบริโภคที่ผสมผสานสินค้า ประสบการณ์ และความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบวงจร ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการเปลี่ยนจากบริษัทขายของเล่นไปสู่ แบรนด์ที่มีอิทธิพล และได้รับความนิยม (Pop Culture) ระดับโลก

 

ความแข็งแกร่งของกลยุทธ์นี้อยู่ที่ความสามารถในการสร้างและต่อยอด IP บริษัทใช้การออกแบบ การเล่าเรื่อง และกิจกรรมเชิงศิลปะ เช่น นิทรรศการ ศิลปินซิกเนเจอร์ และงานอีเวนต์แฟนคลับ เพื่อสร้างคุณค่าทางอารมณ์ให้กับแต่ละคาแรกเตอร์ พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่ม Plush, MEGA และ Toy Bricks เพื่อขยายฐานผู้บริโภคในหลายช่วงอายุ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงเพิ่มมูลค่า IP แต่ยังสร้างรายได้ต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์ต่อยอดในทุกหมวดสินค้า

 

  1. กลยุทธ์การเติบโตระดับโลก (Globalization and DTC Expansion)

อีกหนึ่งยุทธศาสตร์หลักของ Pop Mart คือ การขยายธุรกิจระดับโลกผ่านโมเดล DTC (Direct-to-Consumer) บริษัทได้เปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกใน 5 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อิตาลี และสเปน รวมถึงเปิดสาขาเรือธง (Flagship stores) ในสถานที่ระดับโลก เช่น Oxford Street ในลอนดอน และพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในฝรั่งเศส เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และมอบประสบการณ์ตรงแก่ผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค การเดินหน้าสู่ต่างประเทศนี้ช่วยเพิ่มรายได้จากตลาดต่างประเทศถึง 38.9% ของรายได้รวมปี 2024 และผลักดันให้ Pop Mart ก้าวสู่การเป็น แบรนด์ Pop Culture ระดับโลกจากจีน

 

กลยุทธ์นี้เสริมด้วยการขยายแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ทางการ, Shopee และ TikTok เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกโดยตรง บริษัทลงทุนอย่างต่อเนื่องใน content e-commerce และใช้สื่อดิจิทัลสร้างประสบการณ์แฟนคลับที่ลึกซึ้ง พร้อมจับมือกับศิลปินและแบรนด์ระดับนานาชาติในการพัฒนา IP ร่วมกัน กลยุทธ์ Global DTC จึงไม่เพียงเพิ่มยอดขายและฐานผู้บริโภค แต่ยังช่วยยกระดับ Pop Mart จากบริษัทของเล่นดีไซน์เนอร์ สู่แบรนด์ Pop Culture ร่วมสมัยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์

 

  1. กลยุทธ์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการยกระดับประสบการณ์ (Product Innovation & Experience Enhancement)

Pop Mart ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมสินค้าและประสบการณ์ผู้บริโภค เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ปี 2024 ถือเป็น Plush Year ที่บริษัทสร้างยอดขายสินค้าประเภทตุ๊กตาผ้าเติบโต 1,289% YoY และมีสัดส่วนถึง 21.7% ของรายได้รวม สะท้อนความสามารถในการพัฒนาและตอบสนองต่อเทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บริษัทยังเพิ่มหมวดสินค้าใหม่อย่าง MEGA และ POPBLOCKS เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แฟนคลับได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งในเชิงการสะสมและกิจกรรมออฟไลน์ เช่น นิทรรศการและ Pop Mart Theme Park

 

จุดแข็งของกลยุทธ์นี้คือการยกระดับ อัตลักษณ์ของแบรนด์ ผ่านการผสานศิลปะ แฟชั่น และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสุนทรียะและแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภค Pop Mart ใช้ประสบการณ์บริการที่ละเอียดอ่อน (Service Experience) และกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟเพื่อเพิ่มความผูกพันกับแบรนด์อย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างคุณภาพสินค้าและประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมนี้ทำให้ Pop Mart ไม่เพียงเป็นบริษัทของเล่น แต่เป็น “ศูนย์กลาง Pop Culture เชิงคาแรกเตอร์” ที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้อย่างมั่นคง

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

เทียบกับ MINISO Group (MNSO) จากจีน: MINISO เป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เน้นกลยุทธ์ Affordable Design หรือสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ โดยใช้โมเดล แฟรนไชส์เป็นหลัก (asset-light model) ทำให้สามารถขยายสาขาได้รวดเร็ว ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 7,700 แห่งทั่วโลก และขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศกว่า 100 ประเทศ จุดแข็งของ MINISO คือความสามารถในการผลิตและจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ของใช้ในบ้าน ของเล่น เครื่องเขียน และของขวัญ ในราคาต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้าทั่วไป กลยุทธ์นี้ช่วยให้ MINISO มีฐานผู้บริโภคกว้างและเติบโตอย่างมั่นคง โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อราคา

 

อย่างไรก็ตาม Pop Mart และ MINISO มีความแตกต่างด้านโมเดลธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน Pop Mart วางตำแหน่งเป็นแบรนด์ Pop Culture ร่วมสมัยที่ขับเคลื่อนด้วย IP และประสบการณ์ผู้บริโภค (IP-driven + DTC model) มากกว่าการขายของทั่วไป รายได้กว่า 97.6% มาจากผลิตภัณฑ์ที่บริษัทพัฒนาเอง โดยเฉพาะ Artist IPs อย่าง MOLLY, SKULLPANDA, THE MONSTERS (LABUBU) ที่สร้างมูลค่าทางอารมณ์และความภักดีในหมู่แฟนคลับทั่วโลก อีกทั้ง Pop Mart ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 66.8% ซึ่งเหนือกว่า MINISO ที่มีอัตรากำไรเพียงประมาณ 40% จุดแข็งเชิงกลยุทธ์ของ Pop Mart คือการสร้าง ecosystem ของคาแรกเตอร์ ผ่านสินค้า กิจกรรม นิทรรศการ และสื่อดิจิทัล ทำให้บริษัทไม่เพียงขายของเล่น แต่ยังขายวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ ที่ต่อยอดได้อย่างไร้ขอบเขตในตลาดโลก

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

เทียบกับ Moshi Moshi Retail Corporation (MOSHI) ในประเทศไทย: Moshi Moshi เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย ภายใต้แบรนด์ Moshi Moshi ที่เน้นคอนเซปต์สินค้าน่ารัก ทันสมัย และราคาจับต้องได้สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายกว่า 22,000 SKU ครอบคลุมของใช้ในบ้าน เครื่องเขียน ของขวัญ และกิ๊ฟช็อปต่าง ๆ โดยมีสาขากระจายทั่วประเทศกว่า 180–190 สาขาใน 65 จังหวัด ทำเลหลักคือห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำ ทำให้ Moshi Moshi ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย ด้วยจุดขายด้านความคุ้มค่า ความน่ารัก และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

 

อย่างไรก็ตาม Pop Mart และ Moshi Moshi มีจุดยืนเชิงกลยุทธ์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน Moshi Moshi เน้นเป็นร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ราคาย่อมเยาที่ขับเคลื่อนด้วยจำนวนสาขาและความหลากหลายของสินค้า ในขณะที่ Pop Mart วางตัวเป็น “แบรนด์ Pop Culture ร่วมสมัยที่ขับเคลื่อนด้วย IP” รายได้กว่า 97.6% มาจากผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเอง ซึ่งไม่ใช่แค่สินค้าแต่เป็นคาแรกเตอร์ที่มีแฟนด้อมและอีโคซิสเต็มของตัวเอง ในมุมมองนักลงทุน Pop Mart จึงมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้าง ในการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อหัวลูกค้าและการสเกล IP ข้ามประเทศ ในขณะที่ Moshi Moshi จะเด่นด้านสเกลสาขาในไทยและการจับตลาดแมสที่อ่อนไหวต่อราคามากกว่า

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต

ในรายงานประจำปี 2024 Pop Mart ย้ำว่าทิศทางการเติบโตในอนาคตจะขับเคลื่อนโดยพลังของ IP ซึ่งเป็นแกนหลักของธุรกิจ บริษัทมุ่งเน้นการ ขยายฐานและความหลากหลายของ IP (IPs Enrichment and Expansion) ทั้งการสร้าง IP ใหม่และต่อยอด IP เดิมให้แข็งแกร่งขึ้น ผ่านการออกแบบที่มีคุณภาพสูงและการร่วมมือกับศิลปินระดับนานาชาติ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลต่อวงการมากขึ้น ขณะเดียวกัน Pop Mart จะพัฒนา IP อย่างต่อเนื่องโดยใช้การตลาดที่เน้นอารมณ์ ความผูกพันของแฟนคลับ และการสร้างประสบการณ์ในโลกจริง เช่น นิทรรศการและงานแฟนมีต เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างผู้บริโภคกับ IP ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์และมูลค่าทางธุรกิจในระยะยาว

 

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นตลาด อเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง ผ่านการเปิดร้านค้าปลีกในสถานที่สำคัญระดับโลก และขยายการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ทางการและคอนเทนต์อีคอมเมิร์ซ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกโดยตรง กลยุทธ์นี้จะเสริมด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ (digitalization & refined operations) และสร้างการผสานข้ามพรมแดนระหว่างศิลปิน แบรนด์ และ Pop Culture (cross-boundary collaboration) เพื่อผลักดันให้ Pop Mart กลายเป็นแบรนด์ Pop Culture ร่วมสมัยที่มีอิทธิพลระดับโลกในอนาคต

 

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

ธุรกิจของ Pop Mart เผชิญกับความเสี่ยงหลักหลายประการ โดยเฉพาะในฐานะบริษัทด้านวัฒนธรรมและความบันเทิงที่ขับเคลื่อนด้วยสินค้าแนวแฟชั่น (pop culture entertainment company) ความท้าทายสำคัญคือ ความไม่แน่นอนในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภค บริษัทไม่สามารถรับประกันได้ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับความนิยม หรือสามารถรักษาความสำเร็จของสินค้าที่ได้รับความนิยมในอดีตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่ IP ที่ได้รับลิขสิทธิ์จากพันธมิตรอาจไม่ดึงดูดความสนใจในตลาดเท่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายและไม่สามารถบรรลุตามเงื่อนไขขั้นต่ำของสัญญาค่าลิขสิทธิ์ได้

 

อีกประเด็นสำคัญคือ ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์และการควบคุมคุณภาพ เนื่องจากชื่อเสียงของแบรนด์ Pop Mart เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความเชื่อมั่นของตลาด ความเสียหายต่อภาพลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้า รวมถึงการโปรโมตแบรนด์ที่ไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยต่อผลประกอบการ นอกจากนี้ Pop Mart ยังพึ่งพาผู้ผลิตบุคคลที่สามทั้งหมดในการผลิตสินค้า ซึ่งหากเกิดปัญหาในกระบวนการควบคุมคุณภาพหรือ supply chain อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและความสามารถในการดำเนินธุรกิจ สุดท้าย บริษัทยังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงจาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง และกระทบต่อยอดขายโดยรวมในระยะสั้นถึงกลาง

 

 

 

สนใจลงทุนในหุ้น Pop Mart International Group (POPMART23, 9992.HK) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน

 

คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Stocks Mentioned
9992.HK
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5