Keyword
ETFs

Leveraged และ Inverse ETFs คืออะไร ? ทำไมสายเทคนิคชอบใช้

11 Mar 25 11:58 AM
Leverage ETF และ Inverse ETF คืออะไร?
สรุปสาระสำคัญ

Leveraged และ Inverse ETFs (L&I ETFs) คือกองทุนรวม ETF ประเภทพิเศษ ที่ใช้อนุพันธ์เพื่อสร้างผลตอบแทนรายวันในอัตราเร่ง (เช่น +2 เท่า / -1 เท่า / -2 เท่า ของดัชนีอ้างอิง) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้น หรือป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวน แต่ด้วยกลไก “ผลตอบแทนทบต้นรายวัน” (Daily Compounding Effect) การถือ L&I ETFs ระยะยาวอาจจะไม่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุน จึงควรศึกษากลยุทธ์ให้เข้าใจก่อนการลงทุน

กองทุนรวม ETF คืออะไร ?

ก่อนที่จะเข้าใจเรื่อง Leveraged และ Inverse ETFs จะต้องเข้าใจกองทุนรวม ETF แบบปกติเสียก่อนว่าคืออะไร และมีรูปแบบการลงทุนอย่างไร

  

ETF หรือ กองทุนรวม ETF (Exchange Traded Fund) คือ กองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีการกระจายการลงทุนเสมือนกองทุนรวมที่อ้างอิงกับดัชนีหรือตามนโยบายที่ผู้ออกกำหนด โดยที่ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เนื่องจาก ETF มักมีค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนถูกกว่ากองทุนรวมทั่วไป และสามารถซื้อขายด้วยราคาปัจจุบัน (Real time) ได้ในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ซื้อขายได้สะดวก ปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ง่าย และตอบโจทย์ในเรื่องกระจายความเสี่ยง จึงตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนในยุคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  
อย่างไรก็ดี ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้นอาจยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ต่างกับ ETF ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากผู้ลงทุนมักใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เพราะมีความหลากหลายในการลงทุน อีกทั้งมีสภาพคล่องหรือปริมาณการซื้อขายสูง

  

ประเภทของ ETF

กองทุนรวม ETF โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภทดังต่อไปนี้

  1. ประเภทสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ค่าเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล
  2. รูปแบบนโยบายการลงทุน เช่น แบบ Passive อิงดัชนี หรือ Active ตามปัจจัยที่ผู้ออก ETF กำหนด เช่น factor based and smart beta ETF หรืออิงความผันผวน (Volatility) ของตลาด, หุ้น High Beta, Low Carbon, Moat
  3. ธีมการลงทุน เช่น หุ้นเทคโนโลยี, AI, สินค้าอุปโภคบริโภค, พลังงานสะอาด, ESG, รถยนต์ EV
  4. ภูมิภาคหรือประเทศต่าง ๆ เช่น หุ้นโลก กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ลาตินอเมริกา กรีซ ญี่ปุ่น
  5. ทิศทางและความเสี่ยงในการลงทุน เช่น Leveraged ETF ที่ขึ้นลงมากกว่าดัชนีอ้างอิงเป็นทวีคูณ (2x หรือ 3x เท่า หรือมากกว่า) หรือ Inverse ETF ที่เคลื่อนไหวสวนทางกับดัชนีอ้างอิง โดยที่มีให้เลือกแบบทวีคูณด้วย (-2x หรือ -3x)

  

Leveraged และ Inverse ETFs คืออะไร น่าสนใจอย่างไร ?

นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้น ได้กำไรเร็ว หรือต้องการทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง การใช้ Leveraged และ Inverse ETFs ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

  

Leveraged ETF คืออะไร ?

Leveraged ETFs คือ กองทุนรวม ETF ที่มีกลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งหวังผลตอบแทนแบบเร่ง หรือทวีคูณจากผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง หรือคิดง่าย ๆ ว่าถ้าดัชนีอ้างอิงขึ้น Leveraged ETF จะขึ้นมากกว่า ในขณะที่หากดัชนีอ้างอิงลง Leveraged ETF ก็จะลงมากกว่า ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึงใจผู้ลงทุนที่รักความเสี่ยงสูงได้เต็มที่

  

ตัวอย่างเช่น

Leveraged ETF 2x S&P 500

  

  • หาก S&P 500 เพิ่มขึ้น 1% กองทุนจะเพิ่มขึ้น 2% (ก่อนหักค่าธรรมเนียม)
  • หาก S&P 500 ลดลง 1% กองทุนก็จะลดลง 2% เช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าข้อดีคือเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากกว่าปกติ แต่หากว่าดัชนีอ้างอิงลดลงก็เสี่ยงที่จะขาดทุนสูงมากกว่าปกติเช่นเดียวกัน

 

Inverse ETFs คืออะไร ?  

Inverse ETF คือ ETF ที่มุ่งหวังผลตอบแทนสวนทางหรือตรงข้ามกับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง กล่าวคือ หากดัชนีอ้างอิงขึ้น ราคาของ Inverse ETF จะลง ในขณะที่หากดัชนีอ้างอิงลง ราคาของ Inverse ETF จะขึ้น

   

ตัวอย่างเช่น  

Inverse S&P 500 ETF

  

  • หาก S&P 500 ลดลง 1% กองทุนจะเพิ่มขึ้น 1% (ก่อนหักค่าธรรมเนียม)
  • หาก S&P 500 เพิ่มขึ้น 1% กองทุนก็จะลดลง 1% เช่นเดียวกัน

  

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี Inverse ETF ประเภทที่สามารถมีกลยุทธ์ที่มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบทวีคูณได้ด้วย นั่นคือ Leveraged Inverse ETF หากดัชนีอ้างอิงขึ้น ราคาของ Inverse ETF จะลงมากกว่าเป็นทวีคูณของราคาดัชนีอ้างอิงที่ขึ้น ในขณะที่หากดัชนีอ้างอิงลง ราคาของ Inverse ETF จะขึ้นมากกว่าเป็นทวีคูณของราคาดัชนีอ้างอิงที่ลง

  

ตัวอย่างเช่น

Leveraged Inverse S&P 500 ETF

  

  • หาก S&P 500 ลดลง 1% กองทุนจะเพิ่มขึ้น 2% (ก่อนหักค่าธรรมเนียม)
  • หาก S&P 500 เพิ่มขึ้น 1% กองทุนก็จะลดลง 2% เช่นเดียวกัน

  

การลงทุนด้วยกลยุทธ์จะช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงตลาดขาลงก็ตาม

  

เข้าใจกลไกของ Leveraged และ Inverse ETFs ก่อนตัดสินใจลงทุน

เบื้องหลังของกลยุทธ์ Leveraged และ Inverse ETFs คือ การใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เช่น ฟิวเจอร์ส (Futures) หรือสวอป (Swap) ในการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่ระบุไว้ เช่น +2 เท่า หรือ -1 เท่าของดัชนีอ้างอิงในแต่ละวัน

  

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกองทุนประเภทนี้มีระบบการคำนวณผลตอบแทนแบบ "ทบต้นรายวัน" (Compounding Effect) พร้อมกับการรีเซตอัตราผลตอบแทนใหม่ทุกวัน (Daily Reset) ทำให้ผลลัพธ์จากการถือกองทุนเกินกว่า 1 วัน อาจไม่ตรงกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีอ้างอิงแบบตรงไปตรงมา นักลงทุนจึงต้องเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งก่อนลงทุน

  

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ 10 อันดับแรกของ Leveraged และ Inverse ETFs ที่มี AUM สูงที่สุดในโลก ล้วนจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกองทุนที่ใหญ่ที่สุดอ้างอิงกับดัชนี Nasdaq100 แบบ Leverage 3 เท่า ซึ่งให้ผลตอบแทนแรงกว่าดัชนีถึงสามเท่าในแต่ละวัน

แต่สำหรับนักลงทุนไทย สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดให้ลงทุนใน Leveraged และ Inverse ETFs ได้ไม่เกิน 2 เท่า เพื่อจำกัดความเสี่ยง และส่งเสริมการลงทุนอย่างมีวินัยและรอบคอบ

  

ความนิยมของ Leveraged และ Inverse ETFs พุ่งแรงทั่วโลก!

ปัจจุบันกลยุทธ์การลงทุนแบบ Leveraged และ Inverse ETFs กำลังมาแรงในทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยล่าสุดสูงถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2568) โดยมีสัดส่วนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากถึง 71% ขณะที่ในเอเชียประเทศที่มีการจดทะเบียนมากที่สุดคือ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และฮ่องกง ตามลำดับ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความสนใจของผู้ลงทุนทั่วโลกที่ใช้ กองทุนนี้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

  

ทั้งนี้ Leveraged ETF คือเครื่องมือที่มีนักลงทุนสนใจเป็นสัดส่วนสูงที่สุด โดยมีสัดส่วน AUM สูงถึง 88% ของกองทุนประเภทนี้ทั้งหมด ตามมาด้วย Leveraged Inverse 7% และ Inverse 5% ตามลำดับ

  

ตัวอย่างมูลค่ากองทุน Leveraged และ Inverse ETFs ในตลาดโลก

ที่มา: Nasdaq Global Indexes, Morningstar

  

ประโยชน์ของ Leveraged และ Inverse ETFs

  • ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้กองทุนประเภทนี้สร้างผลตอบแทนได้ทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง
  • มีหลากหลายสินทรัพย์อ้างอิง ให้ผู้ลงทุนเลือกใช้ในการเก็งกำไร
  • ผู้ลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณได้โดยไม่ต้องวางหลักประกันเพิ่มเติม
  • ผู้ลงทุนสามารถใช้ Inverse ETF บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ เช่น ใช้บริหารพอร์ตในช่วงตลาดขาลง

  

ความเสี่ยงและข้อจำกัดของ Leveraged และ Inverse ETFs

  • ผู้ลงทุนอาจขาดทุนได้มากกว่าการลงทุนใน ETFs ทั่วไปหากไม่มีการกำหนดจุด Stop Loss ที่ดี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการสูงกว่า ETFs ปกติทั่วไป
  • หากผู้ลงทุนถือลงทุน Leveraged และ Inverse ETFs มากกว่า 1 วัน จะมีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนจะแตกต่างจากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับของดัชนีอ้างอิง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง ผลตอบแทนมักจะแย่กว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับของดัชนีอ้างอิง (ตามตัวอย่างในหัวข้อข้อสังเกตสำคัญของการลงทุน) จึงอาจไม่เหมาะกับการถือลงทุนระยะยาว
  • ผู้ลงทุนควรติดตามข้อมูลจากผู้ออกกองทุนประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีโอกาสที่ผู้ออกอาจเปลี่ยนวิธีคำนวณหรือข้อมูลอื่น ๆ ได้มากกว่า ETFs ปกติทั่วไป

  

ตัวอย่าง Leveraged และ Inverse ETFs และการคำนวณผลตอบแทน

ผลตอบแทนของ Leveraged และ Inverse ETFs มีทั้งแบบทวีคูณและตรงกันข้ามกับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง ดังรูปและตารางด้านล่าง ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาความเสี่ยงและการเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

  

 

กลไกของ Leveraged และ Inverse ETFs ในการทำกำไร

ที่มา: สำนักงาน ก.ล.ต.

  

ตัวอย่างการคำนวณผลตอบแทน

  

ตัวอย่างการคำนวณผลตอบแทน Leveraged และ Inverse ETFs

ที่มา: Nasdaq

 

ข้อสังเกตสำคัญของการลงทุนใน Leveraged และ Inverse ETFs

ในกรณีที่ผู้ลงทุนถือลงทุน Leveraged และ Inverse ETFs มากกว่า 1 วัน ผลตอบแทนจะแตกต่างจากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับของดัชนีอ้างอิง เนื่องจากกองทุนประเภทนี้จะมีกลไกสำคัญคือ การปรับการคำนวณอัตราผลตอบแทนตั้งต้นใหม่ทุกวัน (Daily reset) ซึ่งจะทำให้การลงทุนมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงมากขึ้นกว่าการลงทุนใน ETF ปกติทั่วไป โดยมีรายละเอียดในแต่ละกรณีต่อไปนี้

  

1. หากตลาดมีทิศทางชัดเจน (ขึ้นหรือลงต่อเนื่อง) ผลตอบแทนของ Leveraged และ Inverse ETFs มักจะดีกว่าผลตอบแทนที่คาดหวังว่าจะได้รับของดัชนีอ้างอิง ดังตัวอย่างใน Scenario 1 และ 2 ด้านล่าง (ตามเส้นกราฟสีแดง เทียบกับเส้นประสีฟ้าอ่อน)

  

ตัวอย่างผลตอบแทน Leveraged และ Inverse ETFs ที่ขึ้นหอย่างต่อเนื่อง

 

ตัวอย่างผลตอบแทน Leveraged และ Inverse ETFs ที่ลงอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: Nasdaq

 

2. หากตลาดผันผวนไร้ทิศทางชัดเจน - ผลตอบแทนของ Leveraged และ Inverse ETFs มักจะแย่กว่าผลตอบแทนที่คาดหวังว่าจะได้รับของดัชนีอ้างอิง ดังตัวอย่างใน Scenario 3 ด้านล่าง (ตามเส้นกราฟสีแดง เทียบกับเส้นประสีฟ้าอ่อน)

 

ตัวอย่างผลตอบแทน Leveraged และ Inverse ETFs ในช่วงที่ตลาดผันผวนไร้ทิศทาง

ที่มา: Nasdaq

  

แนะนำ Leveraged และ Inverse ETFs สำหรับนักลงทุนไทย

สำหรับการลงทุน Leveraged และ Inverse ETFs ในไทยสามารถทำได้แล้วในปัจจุบัน โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงเกณฑ์รองรับ leveraged และ inverse ETFs มีผลตั้งแต่ 16 มีนาคม 2568 

อ้างอิง: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

  

โดยสำนักงาน ก.ล.ต. อนุญาตให้ผู้ลงทุนไทยสามารถลงทุนใน Leverage & Inverse ETFs ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีอัตราทวีคูณได้ไม่เกิน 2 เท่า (+/-2x) โดยที่อัตราทวีคูณต้องเป็นจำนวนเต็ม ไม่เป็นทศนิยม ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนประเภทนี้ยังเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่และผู้ลงทุนไทยอาจยังไม่คุ้นเคย สำนักงาน ก.ล.ต. จึงได้กำหนดให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในต่างประเทศ ซึ่งสหภาพยุโรป มาเลเซีย เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสิงคโปร์ จำกัดอัตราทวีคูณไม่เกิน 2 เท่า เช่นกัน (เว้นแต่กรณี Inverse ETF มาเลเซียจำกัดอัตราทวีคูณไม่เกิน 1 เท่า) 

  

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถลงทุนใน Leverage & Inverse ETFs และหุ้นต่างประเทศใน 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ โดยเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศ เพื่อลงทุนทั่วโลก ผ่านแอป InnovestX หรือสามารถศึกษาตัวอย่างเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่าง

  

ตัวอย่าง Leveraged ETFs (อัตราทวีคูณไม่เกิน 2 เท่า)

  

ชื่อ ETF

ตราสารอ้างอิง

อัตราทวีคูณ

สัญลักษณ์ (Ticker)

ค่าใช้จ่ายในการจัดการ (Expense Ratio)

ProShares Ultra QQQ

NASDAQ-100 Index

2x

QLD

0.95%

ProShares Ultra Semiconductors

Dow Jones U.S. Semiconductors Index

2x

USD

0.95%

Direxion Daily Gold Miners Index Bull 2x Shares

NYSE Arca Gold Miners Index

2x

NUGT

1.13%

Direxion Daily CSI China Internet Index Bull 2x Shares

CSI Overseas China Internet Index

2x

CWEB

1.25%

ที่มา: ETFDB, InnovestX Wealth Products & Strategy

  

  

ตัวอย่าง Inverse ETFs (อัตราทวีคูณไม่เกิน 2 เท่า)

  

ชื่อ ETF

ตราสารอ้างอิง

อัตราทวีคูณ

สัญลักษณ์ (Ticker)

ค่าใช้จ่ายในการจัดการ (Expense Ratio)

ProShares Short MSCI Emerging Markets

MSCI Emerging Markets Index

-1x

EUM

0.95%

ProShares Short QQQ

NASDAQ-100 Index

-1x

PSQ

0.95%

ProShares UltraShort Semiconductors

Dow Jones U.S. Semiconductors Index

-2x

SSG

0.95%

ProShares UltraShort S&P500

S&P500 Index

-2x

SDS

0.89%

ที่มา: ETFDB, InnovestX Wealth Products & Strategy

  

ก่อนตัดสินใจใช้เครื่องมือ Leveraged และ Inverse ETFs ในการลงทุนทุกครั้ง ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งในส่วนของกลไกการทำงาน ข้อดีและข้อควรระวัง เพื่อให้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับเป้าหมายการลงทุนมากที่สุด

  

📱 ลงทุน DR ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศกับ InnovestX
คลิก https://www.innovestx.co.th/products/stock/offshore 

  

📱 ขั้นตอนการเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX
https://www.innovestx.co.th/products/product-user-guide/detail/manual/onboarding-manual

  

*หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาความเหมาะสมก่อนตัดสินใจลงทุน

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5