สรุปสาระสำคัญ
เวลาเราลงทุนในกองทุนในไทยที่มีการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ เช่น หุ้นต่างประเทศหรือกองทุนต่างประเทศ หลายคนมักสนใจผลตอบแทนของสินทรัพย์อย่างเดียว เช่น หุ้นขึ้นเท่าไหร่ กองทุนหลักปรับตัวขึ้นดีไหม
แต่จริง ๆ แล้ว มีอีก “ตัวแปรเงียบ” ที่ส่งผลกระทบต่อกองทุนที่เราลงทุนอยู่แบบชัดเจนมาก… นั่นก็คือ อัตราแลกเปลี่ยน (FX)
- ผลตอบแทนกองทุนต่างประเทศ = ผลตอบแทนสินทรัพย์ + ผลจากค่าเงิน
- FX Hedged → ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ช่วยลดความผันผวน แต่มี ต้นทุนการทำ Hedging แฝงใน NAV
- FX Unhedged → เปิดรับค่าเงินเต็ม ๆ ไม่มีต้นทุน Hedging แต่ได้กำไร/ขาดทุนตามทิศทางเงินบาทเทียบสกุลเงินของสินทรัพย์ที่ลงทุน
ถ้าไม่อยากรับความผันผวนของค่าเงิน → แนะนำลงทุนแบบ FX Hedged
แต่ถ้ายอมรับความผันผวนของค่าเงินได้ หรือเชื่อว่าบาทจะอ่อนเทียบกับสกุลเงินของสินทรัพย์ที่ลงทุน → แนะนำลงทุนแบบ FX Unhedged อาจให้ผลตอบแทนดีกว่า แต่หากมองผิดทางก็อาจขาดทุนได้เช่นกัน
ปัญหาที่คนมองข้าม: ค่าเงินคือ “ตัวแปรที่แฝงอยู่ในผลตอบแทนจริงที่เราเห็น”
ลองคิดภาพว่า…
คุณซื้อกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ด้วยเงินบาท → บลจ.เอาเงินบาทไปแลกเป็นดอลลาร์เพื่อลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ → และเมื่อคุณขายกองทุนคืน กองทุนต้องขายหุ้นสหรัฐฯ และแปลงเงินดอลลาร์กลับเป็นเงินบาทอีกครั้ง
ดังนั้น “ผลตอบแทนจริง” ที่คุณได้รับ คือ ผลตอบแทนสินทรัพย์ + ผลจากการแข็ง/อ่อนของเงินบาท
ตัวอย่าง 1:
- หุ้นต่างประเทศขึ้น 5%
- แต่เงินบาทอ่อนค่า 3% (บาทอ่อน = เราได้เงินกลับมามากขึ้น)
- ผลตอบแทนสุทธิที่เรารับ = 5% + 3% = 8%
ตัวอย่าง 2:
- หุ้นต่างประเทศขึ้น 5%
- แต่เงินบาทแข็งค่า 3% (บาทแข็ง = เราได้เงินกลับมาน้อยลง)
- ผลตอบแทนสุทธิที่เรารับ = 5% - 3% = 2%
คนส่วนใหญ่ดูแค่สินทรัพย์ แต่ลืมดูผลลัพธ์จากค่าเงินซึ่งบางปี ผลขาดทุนจากค่าเงินอาจส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนที่เราลงทุนอยู่ติดลบได้
Unhedged vs Hedged — แบบเข้าใจง่ายไม่ต้องใช้ศัพท์เทคนิค
📌 Unhedged = ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน -> บลจ. ปล่อยสินทรัพย์และค่าเงินวิ่งตามตลาด
ผลลัพธ์:
- ได้/เสียจากค่าเงินเต็ม ๆ
- ไม่มีต้นทุน Hedging
📌 Hedged = ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน -> บลจ. ไปทำสัญญา เพื่อ “ล็อกค่าเงิน” ไว้ล่วงหน้า
ผลลัพธ์:
- ลดความผันผวนจาก FX
- แต่ต้อง จ่ายต้นทุนค่า Hedging (ถูกหักไปแล้วใน NAV)
แล้วต้นทุน FX Hedging มาจากไหน?
ต้นทุน Hedging เกิดจาก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ 2 ประเทศ
ตัวอย่าง:
- อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ 5.00%
- อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย 2.00%
- ต้นทุนการทำ Hedging โดยประมาณ = 5 - 2 = 3% ต่อปี
แปลว่า ถ้าหุ้นสหรัฐฯ สร้างผลตอบแทน 5% ต่อปี แต่คุณเลือกกองทุนที่มีการทำ FX Hedging บนหุ้นสหรัฐฯ ที่ลงทุนอยู่ จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนที่คุณลงทุนอาจจะเหลือประมาณ: 5% - 3% = 2% ต่อปี
แล้วแบบไหน “เหมาะกับใคร”?
✔ ผู้ลงทุนที่เหมาะกับ FX Hedged
- ไม่ได้ตามข่าวค่าเงิน
- สามารถรับความผันผวนของค่าเงินได้ต่ำ
- ลงทุนระยะสั้น ต้องการให้ผลตอบแทน “ใกล้เคียงสินทรัพย์จริงที่ลงทุนมากที่สุด”
✔ ผู้ลงทุนที่เหมาะกับ FX Unhedged
- รับความผันผวนของค่าเงินได้
- มีมุมมองเรื่องค่าเงิน เช่น คิดว่าบาทจะอ่อนเทียบกับสกุลเงินของสินทรัพย์ที่ลงทุน
- ต้องการเก็งกำไรจากค่าเงินเพิ่มเติม
- ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงิน
- ลงทุนระยะยาว ไม่กังวลเรื่องความผันผวนจากค่าเงินรายปี
ข้อควรระวังของกองทุนตราสารหนี้
- ในกรณี FX Hedged: อัตราผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ที่ต่ำ หากต้นทุนในการทำ FX Hedging สูงเกินไป → ผลตอบแทนอาจติดลบได้แม้ราคาสินทรัพย์ไม่มีการปรับตัว
- ในกรณี FX Unhedged: กองทุนตราสารหนี้ในบางกลุ่มอาจมีความผันผวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเงินที่มีความผันผวนสูงกว่า → ผลตอบแทนของกองทุนอาจติดลบได้หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรง
เช็คให้ชัวร์ก่อนดูกองทุนว่าเป็นกองทุน FX Hedged หรือ FX Unhedged
เวลาเปิด Factsheet ให้ดู 3 ข้อนี้:
- นโยบาย FX Hedging ว่า ป้องกันเต็มจำนวน Fully Hedged (ประมาณ 90% ขึ้นไป) / ป้องกันตามดุลยพินิจ Discretionary Hedged / ไม่ป้องกัน Unhedged
- สินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน ว่าเป็นกองทุนหลักสกุลเงินใด / หรือหุ้นสกุลเงินใด
- สัดส่วนการทำ FX Hedging ปัจจุบัน ว่ามีการป้องกันเป็นสัดส่วนเท่าไร
- ถ้าหาก 90% ขึ้นไป แปลว่ามีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedged)
- ถ้าหาก 0% แปลว่าไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged)
Key Takeaways
- ค่าเงินคือปัจจัยที่อาจกระทบผลตอบแทนจริงมากกว่าที่คิด
- เช็คนโยบายการป้องกันความเสี่ยงของกองทุนและเลือกกองทุนตามที่มีนโยบายสอดรับกับความเสี่ยงที่เรารับได้
- FX Hedged = มีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน แต่ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างประเทศเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลบาทจะไม่โดนผลกระทบของค่าเงินที่เปลี่ยน
- FX Unhedged = ไม่มีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน โดยมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้นเมื่อเงินบาทอ่อน แต่มีโอกาสขาดทุนเมื่อเงินบาทแข็งค่า
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์