การลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ทุกคนอาจเผชิญความผันผวนหรือเหตุการณ์ไม่แน่นอนได้ทุกเมื่อ เมื่อนักลงทุนคาดว่าหุ้นจะลง นักลงทุนมักจะขายหุ้นออกก่อนแล้ว รอซื้อกลับในราคาที่เหมาะสม แต่หากตลาดหุ้นลง นักลงทุนไม่อยากขายหุ้นในพอร์ตบางครั้งอาจเกิดความเสียหายที่ไม่คาดคิดได้
ใช้ Futures ช่วยพยุงพอร์ตหุ้น
เมื่อหุ้นลงอาจส่งผลให้พอร์ตหุ้นนักลงทุนเสียหายได้ หากนักลงทุนไม่อยากขายหุ้นในพอร์ตเนื่องจากนักลงทุนมีหุ้นในราคาที่ต่ำ ปันผลเป็นที่น่าพอใจ และคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ที่กระทบต่อกิจการจะมีผลช่วงระยะสั้น ๆ นักลงทุนสามารถทำการเปิดฐานะ Short Futures หุ้น เพื่อช่วยพยุงพอร์ต และเมื่อหุ้นปรับตัวลงมานักลงทุนคาดว่าผลกระทบน่าจะจบแล้วก็ปิดฐานะทำกำไรใน Short Futures เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดทุนในหุ้นได้
ยกตัวอย่างการมีหุ้นในพอร์ต 3 ตัวในช่วงสถานการณ์โควิด
ถ้านักลงทุนซื้อหุ้น 3 ตัวเมื่อช่วงต้นปี 2020 ก่อนเกิด COVID โดยซื้อ AOT ที่ราคา 75.25 บาท KBANK 153.5 บาท และ MINT 35.2 บาท โดยลงทุน 3 ตัวเท่า ๆ กัน ช่วงเกิดเหตุการณ์ COVID ทำให้ขาดทุนสูงสุดอยู่ที่ -44.5% และหากถือหุ้นมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ยังคงขาดทุนอยู่ที่ -13%
จากการที่พอร์ตการลงทุนถือแต่หุ้นอย่างเดียว เมื่อเกิดเหตุการ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะส่งผลให้พอร์ตมีความผันผวนสูง
ยกตัวอย่าง การใช้ SET50 Index Futures มาช่วยพยุงพอร์ต
กรณี Portfolio ลงทุน 3 ตัวด้วยมูลค่าเท่า ๆ กันและ เปิดฐานะ Short SET50 Index Futures มาช่วยพยุงพอร์ตจะเห็นว่า การเปิดฐานะ Short SET50 Futures ส่งผลให้พอร์ตลงทุนขาดทุนน้อยลงใน ช่วงที่ตลาดลงหนักส่งผลให้พอร์ตหุ้นอย่างเดียวขาดทุนสูงสุด -44.5%
แต่พอร์ตหุ้นที่มี Futures พยุงพอร์ตอยู่ขาดทุนเพียง -11% และวันที่ 31 มกราคม 2564 พอร์ตรวมจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก 0.21% เมื่อเทียบพอร์ตหุ้นยังคงขาดทุนอยู่ -13%
จะเห็นว่าเมื่อมี Futures มาพยุงพอร์ตหุ้น จะสามารถลดความผันผวนของพอร์ตหุ้นได้เป็นอย่างดี