Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 13 ส.ค. 2568

13 Aug 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ตลาดหุ้นทั่วโลกทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าจากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด
2. เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนุนโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย
3. ทรัมป์ลงนามขยายข้อตกลงหยุดยิงสงครามการค้ากับจีนออกไป 90 วัน
4. นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนยุโรป Q2/2025 หลังปัจจัยการค้าคลี่คลาย
5. Perplexity AI เสนอซื้อ Chrome จาก Google มูลค่า 34.5 พันล้านดอลลาร์
6. จีนเรียกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หารือเรื่องการซื้อชิป Nvidia H20
7. India CPI กรกฎาคม 2025 ลดลงต่ำสุดรอบ 8 ปีที่ 1.55%
8. ติดตามการประชุม กนง. วันนี้ ลุ้นผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่ม

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 13 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
13 August 2025


1. ตลาดหุ้นโลกทำจุดสูงสุดใหม่หลังข้อมูล CPI สหรัฐฯ เพิ่มความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายน และการพักการเก็บภาษีนำเข้าจากจีน โดย S&P 500 +1.13% และ Nasdaq +1.39% ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังข้อมูล CPI เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.8% ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์โอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็น 94% จาก 86% เมื่อวันก่อน ด้านทรัมป์ลงนามคำสั่งพักการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีก 90 วัน นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างทรัมป์และปูตินในวันที่ 15 สิงหาคม


2. ดัชนี CPI สหรัฐฯ เดือนกรกฎาคมขยายตัว 2.7% YoY และ Core CPI อยู่ที่ 3.3% YoY ตามคาดการณ์ สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อที่ชะลอลงจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอ นักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยนี้เสริมความเชื่อมั่นว่าการปรับลดดอกเบี้ยใกล้เข้ามา ด้านทรัมป์กดดัน Fed ให้ลดดอกเบี้ยทันที โจมตี Jerome Powell เรียกว่า "Too Late Powell" พร้อมขู่ดำเนินคดีกรณีงบประมาณรีโนเวทสำนักงานใหญ่ Fed บานปลาย แม้ Fed เป็นองค์กรอิสระ แต่แรงกดดันนี้สอดคล้องกับท่าทีของผู้ว่าการบางราย ส่งผลให้ตลาดหุ้นและพันธบัตรตอบรับเชิงบวก


3. สหรัฐฯและจีนตกลงขยายข้อตกลงหยุดสงครามการค้าออกไปอีก 90 วัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งบริหารเพื่อเลื่อนการกำหนดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นต่อสินค้าจีน โดยอัตราภาษียังคงอยู่ในช่วง 30%-50% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ และ 10%-20% สำหรับสินค้าจีน ซึ่งลดลงจากระดับกว่า 100% ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายยืดระยะเวลาเจรจาเพื่อหาข้อสรุประยะยาวและยังไม่มีคำตอบสุดท้ายในเรื่องนำเข้าถั่วเหลือง การส่งออกชิป รวมถึงประเด็น rare earth โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มความรุนแรงทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสสำหรับการเจรจาข้อตกลงต่อไป เรายังคงแนะนำลงทุนหุ้นจีนผ่านกองทุน KFCSI300-A


4. นักวิเคราะห์ปรับมุมมองเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทในยุโรปดีขึ้นต่อเนื่อง โดยภาพรวมบริษัทในยุโรปคาดรายงานการเติบโตของกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.8% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ 3.1% เหตุผลหลักมาจากแนวโน้มบวกหลังมีการขยายเวลา “สงบศึก” ภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีนและข้อตกลงการค้าระหว่าง EU-สหรัฐฯ ความคาดหวังต่อรายได้รวม Q2 ก็ดีขึ้น จากเดิมที่คาดว่าจะลดลง 2.0% กลายเป็นลดลงเพียง 1.3% สะท้อนว่าสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศและปัจจัยด้านภาษีคลี่คลายช่วยบรรเทาความกังวล ส่วนใหญ่บริษัทกลุ่มเทคโนโลยีสุขภาพการเงินและอุตสาหกรรมคาดมีกำไรดีขึ้นโดดเด่น อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีมีการคาดการณ์โตสูงถึง 26% สถานการณ์นี้เป็นการส่งสัญญาณความแข็งแกร่งใหม่ของตลาด European equity ในระยะกลาง-ยาว และอาจนำไปสู่โอกาสการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มนี้ เรายังคงแนะนำลงทุนในหุ้นยุโรปผ่านกองทุน ES-EG-A


5. Perplexity AI ได้เสนอซื้อเบราว์เซอร์ Chrome จาก Google ด้วยเงินสด 34.5 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Wall Street Journal ท่ามกลางคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งสำคัญที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ กำลังดำเนินการ ซึ่งอาจบังคับให้ Google ต้องขายเบราว์เซอร์ดังกล่าว การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Google เผชิญแรงกดดันทางกฎหมายเกี่ยวกับการผูกขาดในตลาดเสิร์ชเอนจิน


6. ทางการจีนได้เรียกบริษัทเทคโนโลยีในประเทศ รวมถึง Tencent, ByteDance และ Baidu มาสอบถามเกี่ยวกับการซื้อชิป Nvidia H20 โดยแสดงความกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านข้อมูล และสอบถามถึงเหตุผลที่ต้องซื้อชิปจาก Nvidia แทนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ แม้ยังไม่มีคำสั่งห้ามซื้อชิป H20 อย่างเป็นทางการ แต่ท่าทีของรัฐบาลจีนอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงตลาดจีนของ Nvidia ซึ่งสร้างรายได้ถึง 17 พันล้านดอลลาร์จากจีนในปีที่ผ่านมา ขณะที่จีนเร่งพัฒนาชิป AI ในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยหุ้นชิปจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวนี้ 


7. อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ของอินเดียในเดือนกรกฎาคม 2025 ลดลงเหลือ 1.55% ต่ำสุดในรอบ 8 ปี ตั้งแต่มิถุนายน 2017 จากการลดลงของราคาสินค้าอาหารต่อเนื่อง โดยเฉพาะหมวดธัญพืชและถั่ว แม้ราคาผักจะปรับขึ้นบ้าง แต่ไม่สูงพอจะกดดัน CPI มากนัก นักวิเคราะห์จาก ICRA คาดว่าเดือนสิงหาคมนี้เงินเฟ้อจะเริ่มปรับขึ้นตามฤดูฝน และ CPI จะเคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 3.0–3.2% ในปีงบประมาณ 2026 แต่ยังคาดว่าช่วง Q4/2026-Q1/2027 เงินเฟ้อจะกลับขึ้นไปเกิน 4% ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางอินเดียมีข้อจำกัดในการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมระหว่างประชุม MPC รอบถัดไป


8. ติดตามการประชุม กนง. ในวันนี้ อาจมีการระบุถึงการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อรับมือปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง เช่น ภาคส่งออกที่อ่อนแรง การท่องเที่ยวฟื้นช้ากว่าคาด เงินบาทแข็งค่า รวมถึงเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง โดยการประชุมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการประเมินว่า กนง. อาจต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนโมเมนตัมเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ท่ามกลางข้อจำกัดของนโยบายและความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้มองว่า กนง. มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 1-2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุน REITs ไทยที่มีปันผลสูงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แนะนำลงทุนผ่านกองทุน MPDIVMF


ประเด็นที่ต้องติดตาม: ดัชนี  CPI ของเยอรมนี เดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 2.0% YoY ก่อนหน้าที่ 2.0% YoY

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5