Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 15 ส.ค. 2568

15 Aug 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวในกรอบ ท่ามกลางความกังวลด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
2. PPI ที่สูงเกินคาดกระทบมุมมองการลดดอกเบี้ยของ Fed
3. S&P ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียเป็น BBB ครั้งแรกในรอบ 18 ปี
4. UK เศรษฐกิจขยายตัว 0.3% ดีกว่านักวิเคราะห์คาด
5.  GDP ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นขยายตัว 1.0% สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 0.4% 
6. UnitedHealth ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลัง Berkshire Hathaway รายงานการเข้าลงทุน
7. คลังเตรียมใช้ระบบ “Negative Income Tax” ปี 2570  ชี้ต้องยื่นภาษีทุกคนเพื่อรับสวัสดิการ

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 15 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
15 August 2025


1. ดัชนี S&P500  +0.03% และดัชนี Nasdaq  -0.01% หลังรายงาน Producer Price Index (PPI) เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ที่ 2.5% ส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้เหลือประมาณ 58 basis points จากเดิม 63 bps อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายน นอกจากนี้ บริษัท Deere และ Tapestry ได้ออกมาเตือนถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อธุรกิจ ขณะที่ 9 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมใน S&P 500 ปรับตัวลดลง


2. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ชะลอตัวหลังข้อมูล PPI เดือนกรกฎาคมพุ่งสูงเกินคาด โดย Core PPI รายปีเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% สูงสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดความเชื่อมั่นในการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกันยายน จาก 100% เหลือ 90% ขณะที่โอกาสลด 50 bps หายไป บทความยังชี้ให้เห็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่าน 5 แผนภูมิ แสดงให้เห็นว่าการเติบโตพึ่งพาเทคโนโลยีและ AI มากเกินไป ขณะที่การลงทุนในภาคอื่นๆ แทบไม่เติบโต การบริโภคชะลอตัว และการล้มละลายของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020


3. S&P Global Ratings ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของอินเดียจาก 'BBB-' เป็น 'BBB' ครั้งแรกในรอบ 18 ปี โดยอ้างถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินที่ดีขึ้น และการรวมตัวทางการคลังที่ยั่งยืน GDP ของอินเดียเติบโตเฉลี่ย 8.8% ระหว่างปีงบประมาณ 2022-2024 ซึ่งสูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก และคาดว่าจะเติบโต 6.8% ต่อปีในอีกสามปีข้างหน้า S&P คาดว่าผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจอินเดียจะจัดการได้ เนื่องจากการพึ่งพาการค้าที่จำกัดและเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก


4. GDP สหราชอาณาจักรไตรมาส 2/2025 โต 0.3% ขยายตัวดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.1% แต่ชะลอตัวลงกว่าต้นปีที่เติบโต 0.7% ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคบริการ แม้ต้องรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐและตลาดแรงงานอ่อนแอลง ข้อมูลนี้ช่วยเสริมแกร่งต่อเป้าหมายงบประมาณของ Finance Minister Rachel Reeves โดยการเติบโตที่ดีกว่าคาดหมายนี้นำมาซึ่งความคาดหวังต่อการบริหารเศรษฐกิจในระยะถัดไป


5. เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 2 ปี 2025 ขยายตัวเกินคาดที่ 1.0% ต่อปี (annualized) จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนความแข็งแกร่งของอุปสงค์ในประเทศ ท่ามกลางปัญหาภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นและความกังวลเรื่องสงครามการค้า โดยการฟื้นตัวนี้ช่วยให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี Ishiba ได้รับข่าวดีในช่วงเวลาที่ถูกกดดันทางการเมือง นักลงทุนและนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าการขยายตัวนี้มาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มั่นคง และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น แม้ยังมีแรงกดดันจากภายนอกโดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเรื้อรังและสงครามการค้ายังเป็นสิ่งที่ต้องจับตาต่อไป


6. หลังปิดตลาดวันที่ 14 สิงหาคม 2025 Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett เผยผ่านรายงาน 13F ว่าซื้อหุ้น UnitedHealth Group (UNH) จำนวน 5 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 1.37-1.6 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้น UNH พุ่งกว่า 7% ในช่วง after-hours แม้ตลอดปีหุ้นจะร่วงหนักถึง 46% จากปัจจัยกำไรไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาด, ทิศทางรายจ่ายทางการแพทย์พุ่งขึ้น, ถูกสอบสวนโดยฝ่ายกำกับดูแลและเผชิญปัญหาจากเหตุฆาตกรรมนายใหญ่บริษัทและไซเบอร์แอตแทคในปีก่อน อย่างไรก็ตาม Buffett มองว่ามูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (P/E ราว 11.5 เท่า) เปิดโอกาสสำหรับการลงทุนระยะยาว โดย UNH ยังเป็นบริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และให้ปันผลต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดเริ่มคาดหวังการฟื้นตัวในปี 2026 หลังมีการปรับเบี้ยประกันรับมือกับค่ารักษาพยาบาลในแผน Medicare Advantage มีโอกาสหนุนหุ้นกลุ่ม Healthcare ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเราแนะนำกองทุน LHHEALTH-A


7. กระทรวงการคลังประกาศเดินหน้าใช้ระบบ “Negative Income Tax” หรือภาษีเงินได้ติดลบในปี 2570 โดยใช้เทคโนโลยี Data Lake รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บภาษี ลดช่องโหว่การเลี่ยงภาษี รวมทั้งสามารถจัดสวัสดิการอย่างตรงจุดสำหรับประชาชนรายได้น้อย นโยบายนี้จะบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นภาษี ซึ่งหากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์จะได้รับสวัสดิการอัตโนมัติ ขณะที่หากรายได้ถึงเกณฑ์จะต้องเสียภาษี การรวมข้อมูลนี้จะช่วยให้รัฐออกแบบสวัสดิการและใช้จ่ายงบประมาณได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ตอบสนองมาตรการปฏิรูปภาษีและรักษาเสถียรภาพการคลัง


ประเด็นที่ต้องติดตาม: Retail Sales ของสหรัฐฯเดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 0.6% MoM ก่อนหน้าที่ 0.6% MoM

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5