1. หุ้นสหรัฐพุ่งต่อ หนุนโดย Apple–แรงซื้อ buy the dip แม้เศรษฐกิจเสี่ยงชะลอ
2. ทรัมป์เล็งเก็บภาษีนำเข้าชิป 100% แต่เว้นให้บริษัทรายใหญ่ที่ลงทุนในสหรัฐฯ
3. ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียเป็น 50% เพื่อลงโทษการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
4. RBI คงดอกเบี้ย เน้นรักษาเสถียรภาพค่าเงินรูปี ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีสหรัฐ
5. Shopify พุ่ง 21% หลังงบ Q2 โตแรง-มองข้ามผลกระทบสงครามการค้า
6. กกร. ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ขึ้นเป็น 1.8-2.2%
7. คลังแนะ ธปท. ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้นผ่านเครื่องมือต่างๆ
8. FETCO เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น นลท. ใน ก.ค. 2568 อยู่ในระดับทรงตัว
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
07 August 2025
1. S&P 500 +0.7% และ Nasdaq 100 +1.3% นำโดยหุ้น Apple +5.1% หลังมีข่าวเตรียมลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ อีก $100bn เพื่อเลี่ยงภาษีจากทรัมป์ หนุนแรงซื้อแบบ “buy the dip” กลับมา แม้เศรษฐกิจยังเผชิญความเสี่ยงชะลอตัว โดยนักลงทุนคาดเฟดอาจลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ด้านยีลด์พันธบัตร 2 ปีร่วงเหลือ 3.70% และดัชนี Bloomberg Market Pulse เข้าสู่โซน “overheat” สะท้อนภาวะตลาดร้อนแรงเกินไป นักวิเคราะห์เริ่มแนะใช้กลยุทธ์ hedge และรอจังหวะซื้อเพิ่มจากการพักฐาน
2. ปธน. ทรัมป์ เผยแผนเก็บภาษีนำเข้าชิปสูงถึง 100% แต่ยกเว้นให้บริษัทที่ย้ายฐานผลิตหรือขยายการลงทุนในสหรัฐฯ โดย Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก $100 พันล้าน ผ่านโครงการ American Manufacturing Program ร่วมกับ Corning, Texas Instruments, และพันธมิตรรายอื่น ด้านผู้ผลิตชิปหลายราย เช่น TSMC, Samsung, Intel ต่างเร่งขยายกำลังผลิตในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ท่าทีผ่อนปรนต่อบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ หนุนหุ้นเทคสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Apple และผู้ผลิตชิปที่มีฐานในสหรัฐฯ ส่วนผู้พึ่งพาการผลิตนอกประเทศยังเผชิญความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงด้านภาษี
3. ปธน. ทรัมป์ ลงนามคำสั่งบริหารเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียอีก 25% ซ้อนทับกับภาษีเดิม 25% ที่เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้รวมเป็น 50% โดยจะมีผลใน 21 วัน เพื่อลงโทษอินเดียจากการซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ส่งสัญญาณอาจใช้มาตรการลักษณะเดียวกันกับประเทศอื่นที่ซื้อพลังงานจากรัสเซีย เช่น จีนด้วย ด้านรัฐบาลอินเดียตอบโต้ทันทีว่า “ไม่เป็นธรรม” และจะดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ การขึ้นภาษีเพิ่มเติมกดดันแนวโน้มส่งออกอินเดียและเพิ่มความเสี่ยงต่อค่าเงินรูปี ทำให้อาจเผชิญการอ่อนค่าและความผันผวนต่อเนื่อง
4. ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.5% แม้เงินเฟ้อล่าสุดจะลดลงเหลือ 2.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ สะท้อนความกังวลต่อความเสี่ยงค่าเงินรูปีอ่อน หลังเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยและสหรัฐเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียเพิ่ม ด้านคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีถูกปรับลดเหลือ 3.1% และอาจต่ำกว่านี้ต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายคาดว่า RBI จะกลับมาลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4
5. หุ้น Shopify พุ่ง +21% หลังรายงานรายได้ Q2 โต 31% YoY สูงกว่าคาด พร้อมให้แนวโน้ม Q3 เชิงบวก โดยบริษัทเผยว่าแรงกดดันจากภาษีทรัมป์ไม่กระทบ และยอดขายยังเติบโตดีทั่วทั้งแพลตฟอร์ม โดย GMS พุ่ง 29% สู่ $87.8bn สูงกว่าคาดการณ์ CFO ชี้ผู้ขายบางรายเริ่มปรับราคาขึ้น แต่ยังไม่กระทบอุปสงค์ โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐ ขณะที่บริษัทเดินหน้าลงทุนด้าน AI อย่างต่อเนื่อง
6. คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ขึ้นเป็น 1.8-2.2% จากเดิมที่ 1.5-2.0% และปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกขึ้นเป็น 2% ถึง 3% จากเดิมที่ -0.5% ถึง 0.3% หนุนจากความสำเร็จการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่ไม่เสียเปรียบต่อประเทศเพื่อนบ้าน และมองว่าควรใช้โอกาสนี้ปรับตัวเพื่อความสามารถการแข่งขันในระยะยาว
7. ปลัดคลังแนะ ธปท. พิจารณาดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายขึ้นผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ซึ่งไม่จำกัดเพียงการลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. วันที่ 13 ส.ค. นี้เท่านั้น เพื่อผลักดันให้เงินเฟ้อไทยกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมาย โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปใน ก.ค. 2568 หดตัว 0.7%YoY หดตัวสูงกว่าที่เราและตลาดคาดไว้
8. FETCO เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น นลท. ใน ก.ค. 2568 อยู่ในระดับ “ทรงตัว” มองการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด ตามด้วย การฟื้นตัวของ ศก. และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น จำแนกประเภท นลท. บัญชี บล., สถาบันในประเทศ และรายย่อยมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ นลท. ต่างชาติยังทรงตัว
ประเด็นที่ต้องติดตาม: BoE Interest Rate Decision และ Initial Jobless Claims ของสหรัฐฯ คาดว่าจะออกมาที่ 220K จากก่อนหน้าที่ 218K