Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 19 ส.ค. 2568

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 19 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
19 August 2025

1. ราคาน้ำมัน WTI เคลื่อนไหวใกล้ 63 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนชั่งน้ำหนักผลกระทบจากการประชุมทรัมป์–เซเลนสกี และความเป็นไปได้ที่จะจัดซัมมิตกับปูตินเพื่อยุติสงคราม ด้านหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งขึ้น 0.2% และบอนด์ยีลด์ 10 ปีขยับขึ้น 2 bps นักลงทุนจับตาการประชุม Jackson Hole สัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเจอโรม พาวเวล จะเปิดเผยกรอบนโยบายใหม่ พร้อมส่งสัญญาณชัดขึ้นต่อการลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ซึ่งตลาดให้น้ำหนักกว่า 80% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25%

 

2. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันให้จัดการพบปะระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี หลังการหารือที่ทำเนียบขาว โดยทรัมป์เสนอให้จัดการเจรจาแบบทวิภาคีระหว่างรัสเซีย–ยูเครน ก่อนตามด้วยการประชุมไตรภาคีที่มีสหรัฐฯ เข้าร่วม จุดยืนของสหรัฐฯ และชาติยุโรปมุ่งเน้นการให้ “หลักประกันด้านความมั่นคง” แก่ยูเครน ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงว่าข้อเสนอการเจรจาอาจโน้มเอียงเข้าข้างรัสเซีย โดยเฉพาะประเด็นดินแดนดอนบาสและพื้นที่ภาคตะวันออกที่ยังมีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง

 

3. นายกฯ อินเดีย นาย นเรนทรา โมดี ประกาศปรับโครงสร้างภาษีการบริโภค (GST) ครั้งใหญ่ เหลือ 2 ระดับคือ 5% และ 18% จากเดิม 4 ระดับที่ 5%, 12%, 18% และ 28% โดยสินค้าที่เดิมถูกเก็บภาษี 12% และ 28% ส่วนใหญ่จะถูกปรับลดเหลือ 5% และ 18% ตามลำดับ เพื่อลดภาระผู้บริโภคและกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ขณะที่ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ต่ออินเดียที่ 50% จะมีผลบังคับใช้สิ้นเดือนนี้ มาตรการดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอินเดีย Nifty 50 พุ่งบวกระหว่างวันสูงสุดในรอบ 3 เดือน นักวิเคราะห์คาดว่าการลดภาษีจะเพิ่ม GDP ราว 0.6 จุดเปอร์เซ็นต์ และลดเงินเฟ้อ 0.6–0.8 จุด ซึ่งนโยบายนี้เป็นบวกต่อหุ้นอินเดีย กลุ่มบริโภคภายในประเทศ, ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง

 

4. ดัชนี Shanghai Composite ปิดบวก 0.9% ที่ 3,728 จุด สูงสุดตั้งแต่ปี 2015 พลิกฟื้นกว่า 20% หลังจากช่วงเดือนเม.ย.ที่ถูกกดดันโดยภาษีทรัมป์ สะท้อนแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่มีเงินออมสูง และหมุนเงินออกจากพันธบัตรหลังรัฐบาลกลับมาเก็บภาษีดอกเบี้ยพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจีนอายุยาวขยับขึ้น ขณะที่ปริมาณซื้อขายหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่พุ่งแตะ 2.7 ล้านล้านหยวน ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระแส risk-on หนุนตลาดหุ้นจีน outperform ตลาดโลกตั้งแต่ต้นปี

 

5. การส่งออกผลิตภัณฑ์ Rare Earth ของจีน (รวมถึงแม่เหล็ก) เดือนก.ค. พุ่งขึ้น 69% เป็น 6,422 ตัน สูงสุดตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนเคยใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดเพื่อตอบโต้ภาษีสหรัฐฯ จนสร้างความกังวลเรื่องขาดแคลนทั่วโลก การส่งออก Rare Earth กลับมาเร่งตัวหลังสหรัฐฯ-จีน “สงบศึกการค้า” ขณะที่ USTR ประเมินว่าจีนฟื้นการส่งออกแม่เหล็กกลับมาได้ราวครึ่งหนึ่งของระดับก่อนการควบคุมครั้งก่อน การฟื้นตัวนี้ช่วยบรรเทาความเสี่ยงของอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

 

6. หุ้น TeraWulf (WULF) ปรับขึ้น 5% หลังบริษัทประกาศว่า Google จะเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 14% พร้อมให้การสนับสนุนวงเงิน backstop มูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายศูนย์ข้อมูล Lake Mariner ในนิวยอร์ก โดยได้รับสิทธิซื้อหุ้นกว่า 73 ล้านหุ้น ดีลนี้ต่อยอดจากความร่วมมือกับผู้ให้บริการ AI Cloud อย่าง Fluidstack ที่เพิ่งขยายสัญญาเช่า Analysts มองว่า TeraWulf เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่พร้อมเปลี่ยนจากธุรกิจขุดบิตคอยน์ไปสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI ได้ดีที่สุด ขณะที่ราคาหุ้นพุ่งกว่า 86% ในรอบ 5 วัน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ตอกย้ำการขยายตัวของ AI infrastructure หนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม data center พร้อมสะท้อนดีมานด์ AI ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

 

7. สภาพัฒน์เผย 2Q68 GDP ไทยขยายตัว 2.8%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดแต่ชะลอจากไตรมาสก่อนที่ 3.1%YoY หนุนจากการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนการบังคับใช้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แต่การบริโภคในประเทศและการเบิกจ่ายภาครัฐยังชะลอตัว และปรับขึ้นคาดการณ์ GDP ปี 2568 ขึ้นเป็น 2.0% จาก 1.8% ตามประมาณการการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น

 

8. BOI เผยว่าได้หารือร่วมกับ ตลท. เพื่อพัฒนาความร่วมมือเปลี่ยนผ่านไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ผ่าน 2 แนวทาง คือการการดึงบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศที่เข้ามาตั้งฐานธุรกิจในประเทศไทย และสนับสนุนให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Building Permits Prel ของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 1.39M จากก่อนหน้าที่ 1.393M และ Housing Starts ของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 1.29M จากก่อนหน้าที่ 1.321M