1. หุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี
2. สหรัฐฯ-ยุโรปเดินหน้าวางแผนคุ้มครองยูเครน เปิดทางเจรจา Putin–Zelenskiy
3. สหรัฐฯ รักษาเครดิตเรตติ้ง AA+ ได้ แม้ขาดดุลสูง อานิสงส์รายได้จากมาตรการภาษีนำเข้า
4. จีนเร่งใช้จ่ายการคลัง แตะระดับสูงสุดรอบ 3 ปี แต่ยังไม่ช่วยพยุงเศรษฐกิจ ลุ้นมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
5. ส่งออกญี่ปุ่นร่วงแรงสุดรอบ 4 ปี เหตุภาษีสหรัฐฯ กดดัน
6. ครม. ไทยมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. NaCGA สนับสนุนแหล่งเงินทุนของ SMEs
7. ธปท. เผยสินเชื่อระบบ ธพ. ใน 2Q68 หดตัวต่อเนื่องในอัตราชะลอลงที่ 0.9%YoY
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
20 August 2025
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานเมื่อคืนนี้ โดย S&P 500 ร่วง 0.6% และ Nasdaq 100 ร่วง 1.4% กดดันจากแรงขายหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ Nvidia หลัง Morgan Stanley ปรับลดราคาเป้าหมาย เหตุความกังวลมูลค่าหุ้นตึงตัวเกินไป แรงกดดันลามไปยังหุ้นกลุ่ม AI และ semiconductorส่งผลให้ดัชนี Bloomberg Magnificent 7 ร่วงแรง 1.7% ขณะที่ Dow Jones ทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง ส่วน Russell 2000 อ่อนตัว 0.8% และ MSCI World ลดลง 0.4% ด้าน S&P 500 Equal Weighted Index ยังบวก 0.5% สวนทาง
2. สหรัฐฯ และยุโรปเริ่มหารือวางกรอบ “หลักประกันด้านความมั่นคง” ให้ยูเครน เพื่อไม่ให้รัสเซียเรียกร้องจำกัดกำลังทหารของยูเครนในการเจรจาสันติภาพในอนาคต โดยรูปแบบอาจเป็น “Article 5-like” คล้าย NATO และอาจมีการจัดตั้งกองกำลังพหุชาติ ขณะที่ทรัมป์ระบุว่ายุโรปจะเป็นผู้รับภาระหลัก สหรัฐฯ จะช่วยประสานสนับสนุน อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงที่เงื่อนไขหยุดยิงและข้อเรียกร้องด้านดินแดนจะเป็นอุปสรรค แม้การประชุมทำให้ตลาดมองว่าความตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลดความกังวลในตลาดพลังงาน แต่ความไม่แน่นอนของสงครามยังคงเป็นตัวแปรที่สร้างความผันผวนให้กับราคาน้ำมันและทองคำ นักลงทุนยังต้องจับตาพัฒนาการอย่างใกล้ชิด
3. S&P Global Ratings คงเครดิตเรตติ้งสหรัฐฯ ที่ระดับ AA+ พร้อมมุมมองคงที่ โดยให้เหตุผลว่ารายได้จากภาษีนำเข้าที่ปรับขึ้นภายใต้มาตรการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยชดเชยผลกระทบจากกฎหมายลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายล่าสุด รายได้ศุลกากรทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนก.ค.แตะ 28 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี S&P คาดหนี้รัฐบาลทั่วไปสุทธิเกิน 100% ของ GDP ใน 3 ปีข้างหน้า และขาดดุลเฉลี่ยราว 6% ของ GDP ระหว่างปี 2025–2028 ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่าหากผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าภายในประเทศ รายได้ภาษีอาจลดลง
4. กระทรวงการคลังจีนรายงานการใช้จ่ายงบประมาณรวม 21.5 ล้านล้านหยวน (3 ล้านล้านดอลลาร์) ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2025 เพิ่มขึ้น 9.3% YoY เร็วที่สุดตั้งแต่ส.ค. 2022 ทำให้ขาดดุลงบประมาณแตะ 5.6 ล้านล้านหยวน (+49% YoY) ขณะที่รายได้ภาษีลดลง 0.3% การเร่งอัดฉีดผ่านโครงสร้างพื้นฐานและเงินเดือนข้าราชการยังไม่ช่วยฟื้นกิจกรรมเศรษฐกิจเดือนก.ค. ที่ชะลอตัวจากผลกระทบสภาพอากาศและขาดเงินอุดหนุนท้องถิ่น ตลาดจับตาความเป็นไปได้ของมาตรการกระตุ้นใหม่จากทางการจีน ในช่วงปลายเดือน ก.ย.–ต้น ต.ค.
5. กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานว่า ส่งออกเดือนก.ค. ลดลง 2.6%YoY มากกว่าคาด (คาด -2.1%) นำโดยรถยนต์ (-28.4%), ชิ้นส่วนยานยนต์ (-17.4%) และเครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (-31.3%) ไปสหรัฐฯ รวมถึงการส่งออกไปจีนและยุโรปที่หดตัว 3–4% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนก.ค. ขาดดุล ¥117.5 พันล้าน ขณะที่การนำเข้าลดลง 7.5% การอ่อนแรงของภาคส่งออกท่ามกลางภาษีสหรัฐฯ และค่าเงินเยนแข็งยังสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และอาจทำให้ BOJ ต้องระมัดระวังในการขึ้นดอกเบี้ยรอบถัดไป
6. ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) ให้เป็นกลไกสนับสนุนเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ทำหน้าที่ประเมินความเสี่ยง และค้ำประกันเครดิตสำหรับประชาชนที่ขอสินเชื่อกับธนาคารรัฐ, ธนาคารพาณิชย์ และกลุ่ม non-bank รมช. คลังเผยว่าเบื้องต้นได้กำหนดทุนประเดิมของ NaCGA ไว้ที่ 1 หมื่นลบ.
7. ธปท. เผยสินเชื่อระบบ ธพ. ใน 2Q68 หดตัวต่อเนื่องในอัตราชะลอลงที่ 0.9%YoY เกิดจากการหดตัวของสินเชื่อ SMEs (-6.2%) และสินเชื่ออุปโภคบริโภค (-2.2%) ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่คงขยายตัวได้ (+2.7%) ด้านคุณภาพสินเชื่อด้อยลงเล็กน้อยและ NPL เพิ่มขึ้น ยกเว้น NPL สินเชื่อเพื่อการบริโภคปรับลดลงทุกประเภทจากการปรับโครงสร้างหนี้
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Loan Prime Rate 1Y และ 5Y และ Inflation Rate YoY Final ของยุโรป เดือน ก.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 2% จากก่อนหน้าที่ 2%