Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 14 ต.ค. 2568

14 Oct 25 8:36 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. S&P 500 พุ่งแรงสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นำโดยหุ้นชิป–AI หลังสหรัฐฯ–จีนส่งสัญญาณเจรจาต่อ
2. รมว.คลังสหรัฐฯ คาด “ทรัมป์–สี” พบกันตามกำหนด ยันพร้อมใช้ทุกมาตรการตอบโต้จีน
3. นักลงทุนแห่ “Buy the Dip” หุ้นจีนดีด แม้ทรัมป์ขู่ภาษี 100%
4. ส่งออกจีนพุ่งแรงสุดรอบ 6 เดือน หนุน “สี จิ้นผิง” มีอำนาจต่อรองในศึกการค้า
5. เงินเฟ้ออินเดียเดือน ก.ย. ชะลอลงต่ำกว่ากรอบเป้า หนุน RBI ลดดอกเบี้ย
6. JPMorgan ทุ่ม 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เสริมแกร่งอุตสาหกรรมความมั่นคงของสหรัฐฯ
7. ติดตามการประชุม ครม. ไทยในวันนี้ คาดว่าจะออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง
8. ผู้ว่าฯ ธปท. เผยกำลังจับตาความเสี่ยงภาวะเงินฝืดอย่างใกล้ชิด

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
14 October 2025

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรงนำโดยหุ้นเทคโนโลยี หลังสหรัฐฯ และจีนส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าเจรจาการค้า ดัชนี S&P 500 พุ่ง 1.6% ทำสถิติวันบวกแรงสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่ Nasdaq 100 เพิ่ม 2.2% และดัชนีชิป PHLX พุ่ง 4.9% นำโดย Broadcom ที่ดีด 10% หลัง OpenAI เซ็นสัญญาซื้อชิประยะยาว บรรยากาศเชิงบวกยังได้แรงหนุนจากการสงบศึกในตะวันออกกลาง และความคาดหวังต่อผลประกอบการกลุ่มธนาคาร ขณะนักวิเคราะห์จาก LPL Financial มองตลาดยังอยู่ในช่วง Bull Market ปีที่ 3 โดยมีโอกาสปรับขึ้นต่อ หากเศรษฐกิจและผลกำไรบริษัทยังแข็งแกร่ง

2. สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่ายังคาดว่าการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เกาหลีใต้จะเกิดขึ้นตามแผน แม้ทั้งสองฝ่ายเผชิญความตึงเครียดจากการที่จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก โดยเบสเซนต์เตือนว่า “ทุกทางเลือกยังเปิดอยู่” สำหรับการตอบโต้ พร้อมเผยว่าสหรัฐฯ จะหารือกับพันธมิตรในยุโรป อินเดีย และเอเชียในสัปดาห์นี้ เพื่อจัดท่าทีร่วมกัน เขาระบุว่าการสื่อสารระหว่างสองฝ่ายเริ่มกลับมาและยังเชื่อว่าสามารถคลี่คลายความตึงเครียดได้ก่อนการประชุมผู้นำ

3. ตลาดหุ้นจีนแสดงความแข็งแกร่งท่ามกลางความตึงเครียดการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังประธานาธิบดีทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าจากจีน 100% และจำกัดซอฟต์แวร์สำคัญตั้งแต่ 1 พ.ย. ดัชนี CSI 300 เมื่อวานนี้ปิดลดลงเพียง 0.5% หลังดีดตัวแรงช่วงบ่าย ขณะที่ ETF หุ้นจีนในสหรัฐฯ (KWEB) บวกกว่า 3.8% นักลงทุนมองว่าแรงกดดันนี้เป็นเพียงเกมต่อรองทางการเมืองก่อนการเจรจา นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มเทคโนโลยีจีน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม AI และชิปที่พุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวในปีนี้

4. ยอดส่งออกของจีนเดือนกันยายนพุ่ง 8.3% แตะ 328,600 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 6 เดือนและเกินคาดการณ์ สะท้อนความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจจีนที่ยังต้านแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ ได้ดี โดยแม้การส่งออกไปสหรัฐฯ ร่วง 27% แต่ชดเชยได้จากตลาดยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา ซึ่งขยายตัวกว่า 50% นักวิเคราะห์จาก Societe Generale SA และ ING Bank NV มองว่าการกระจายตลาดส่งออกช่วยเสริมอำนาจต่อรองของจีนในศึกการค้ากับสหรัฐฯ ขณะยอดขายสินค้าแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า และเรือยังคงหนุนรายได้รวมของประเทศต่อเนื่อง

5. อัตราเงินเฟ้ออินเดียเดือนกันยายนชะลอลงเหลือ 1.54% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลาง (2–6%) เป็นครั้งที่สองในปีนี้ และต่ำสุดในรอบ 8 ปี จากราคาผัก ไข่ และพืชตระกูลถั่วที่ลดลงตามผลผลิตเกษตรที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลโมดีปรับลดภาษีบริโภค ทำให้ราคาสินค้าทั่วไปลดลง ข้อมูลนี้เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธันวาคม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่เผชิญแรงกดดันจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอินเดีย 10 ปีลดลงแตะ 6.52%

6. JPMorgan ประกาศคำมั่นที่จะอัดฉีดเงินทุน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น แร่หายาก เวชภัณฑ์ หุ่นยนต์ พลังงาน และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซีอีโอ เจมี ไดมอน ระบุว่าสหรัฐฯ พึ่งพาแหล่งผลิตจากประเทศคู่แข่งมากเกินไป โดยเฉพาะจีน จึงจำเป็นต้องเร่งเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน แผนนี้ครอบคลุมทั้งเงินกู้ การลงทุนโดยตรง และการระดมทุนให้เอกชน 

7. ติดตามการประชุม ครม. ไทยในวันนี้ หลังรัฐบาลเผยจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ ในสัปดาห์นี้คาดว่าจะออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง

8. ผู้ว่าฯ ธปท. เผยกำลังจับตาความเสี่ยงภาวะเงินฝืดอย่างใกล้ชิด แม้ยังไม่เห็นการลดลงของราคาสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง และคาดว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ การลดดอกเบี้ยนโยบายยังสามารถลดได้อีกหาก ศก. อ่อนแรงหรือเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง ส่วนมติ กนง. ในครั้งก่อนมีความเห็นแตกต่างในด้านจังหวะเวลา แต่ทิศทางมีความเห็นตรงกัน


ประเด็นที่ต้องติดตาม: ZEW Economic Sentiment Index ของยุโรป เดือน ต.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 27.1 จากก่อนหน้าที่ 26.1

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5