
1. หุ้นเทคโนโลยีนำตลาดพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ ก่อนประกาศผลประกอบการกลุ่ม AI
2. จีนประกาศเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการบริโภคในเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญในอีก 5 ปี
3. ทรัมป์–ทาคาอิชิให้คำมั่นเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ–ญี่ปุ่น
4. รมว.คลังสหรัฐฯ ชี้รัฐบาลญี่ปุ่นควรเปิดทางให้ BOJ มีอิสระทางนโยบายการเงิน
5. Goldman Sachs มองไม่เห็นความเสี่ยงวิกฤตระบบการเงิน แม้ตลาดเครดิตผันผวน
6. ซีอีโอ Nvidia มั่นใจไม่เกิดฟองสบู่ AI พร้อมประกาศพันธมิตรใหม่ทั่วโลก
7. Reuters รายงานว่า OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบใน ธ.ค. 2568
8. วันนี้เป็นวันแรกสำหรับการใช้จ่าย “คนละครึ่งพลัส”
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
29 October 2025
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ นำโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะยังเป็นแรงขับเคลื่อนกำไร โดย S&P 500 ปิดใกล้ระดับ 6,900 จุด ขณะที่กลุ่ม “Magnificent Seven” เพิ่มขึ้น 1.3% หลัง Microsoft เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน OpenAI เป็น 27% มูลค่า 1.35 แสนล้านดอลลาร์ และ Apple มีมูลค่าตลาดทะลุ $4 ล้านล้าน นักวิเคราะห์คาดว่ากลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่จะมีกำไรโตเฉลี่ย 14% ในไตรมาส 3 มากกว่าค่าเฉลี่ยตลาด แม้จะเป็นอัตราชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2023 นักลงทุนยังคงเก็งว่าเฟดอาจส่งสัญญาณยุติ quantitative tightening และเตรียมลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
2. พรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศในแถลงการณ์ภายหลังการประชุม Plenum ครั้งที่ 4 ว่าจะเพิ่มสัดส่วนการบริโภคในระบบเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาความต้องการภายในประเทศมากขึ้น โดยจะใช้มาตรการด้านอุตสาหกรรม ราคา การจ้างงาน การบริโภค และการลงทุนควบคู่กัน ทั้งยังคงเป้าหมายการเติบโตของการลงทุนในระดับเหมาะสม แผนดังกล่าวซึ่งจะถูกบรรจุใน แผนพัฒนา 5 ปี ฉบับใหม่ (เริ่มปี 2026) มุ่งลดการพึ่งพาการส่งออก ท่ามกลางแรงกดดันจากกระแสกีดกันทางการค้าของชาติตะวันตก และการบริโภคในประเทศที่ยังอ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้ราคาผู้บริโภคเผชิญแรงกดดันเงินฝืดต่อเนื่อง
3. ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ และนายกฯ ญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิชิ ให้คำมั่นจะกระชับความร่วมมือทางทหารและเพิ่มงบประมาณกลาโหม ระหว่างการเยือนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS George Washington ที่ฐานทัพเรือโยโกสุกะ โดยทรัมป์ระบุว่าได้อนุมัติ “ขีปนาวุธชุดแรก” สำหรับเครื่องบิน F-35 ของญี่ปุ่น พร้อมผลักดันโครงการต่อเรือร่วมกันระหว่างสองชาติ ขณะที่ทาคาอิชิย้ำว่าญี่ปุ่นจะเร่งเพิ่มงบกลาโหมให้แตะ 2% ของ GDP ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ เพื่อรับมือสภาพแวดล้อมความมั่นคงที่ตึงเครียดมากขึ้น ญี่ปุ่นยังคงพึ่งพาสหรัฐฯ ภายใต้สนธิสัญญาความมั่นคงหลังสงครามโลก ขณะเดียวกันทรัมป์ได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นเพิ่มส่วนแบ่งค่าใช้จ่ายดูแลฐานทัพสหรัฐฯ ในประเทศ
4. สก็อตต์ เบสเซนท์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิชิ ควรให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มี “พื้นที่ทางนโยบาย” เพียงพอในการดำเนินการเพื่อยึดเหนี่ยวคาดการณ์เงินเฟ้อและลดความผันผวนของค่าเงิน เยนแข็งค่าทันทีสู่ระดับราว 151.54 เยนต่อดอลลาร์ หลังถ้อยแถลงดังกล่าว เผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย คำกล่าวนี้มีขึ้นหลังการพบหารือระหว่างเบสเซนท์กับรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ซัตสึกิ คาตายามะ ในโตเกียวเมื่อ 27 ต.ค. ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ แต่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยภายในเดือนมกราคม
5. David Solomon ซีอีโอของ Goldman Sachs ระบุว่าแม้จะมีการล้มละลายของบริษัทในสหรัฐฯ อย่าง First Brands Group และ Tricolor Holdings แต่ยังไม่เห็นสัญญาณของ “วิกฤตเชิงระบบ (systemic crisis)” ในตลาดสินเชื่อ โดยมองว่านี่เป็นเหตุการณ์เฉพาะราย (idiosyncratic events) ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบโดยรวม ขณะเดียวกัน Paul Taubman ซีอีโอของ PJT Partners เสริมว่าหลายดีลที่เกิดขึ้นในช่วงดอกเบี้ยต่ำหลังปี 2021 กำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง ส่วน Bill Winters ซีอีโอ Standard Chartered เห็นว่าระดับดอกเบี้ยปัจจุบันยัง “เหมาะสม” ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ แม้จะมีแรงกดดันจากภาคสินเชื่อเอกชนที่ขยายตัวแตะ $1.7 ล้านล้านดอลลาร์
6. Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia Corp. ปฏิเสธความกังวลเรื่อง “ฟองสบู่ AI” ระหว่างการประชุม GTC ที่กรุงวอชิงตัน โดยระบุว่าชิป AI รุ่นใหม่ Blackwell และ Rubin จะสร้างรายได้รวมกว่า $500,000 ล้าน ภายในปี 2026 พร้อมประกาศความร่วมมือกับ Uber, Palantir, CrowdStrike, Lucid, Nokia และ Eli Lilly เพื่อขยายการใช้งานเทคโนโลยี AI ทั่วโลก Huang ย้ำว่า AI เข้าสู่ “จุดเปลี่ยนเชิงเศรษฐกิจ” ซึ่งลูกค้าพร้อมจ่ายจริง ส่งผลให้หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 5% ทำสถิติสูงสุดที่ $201.03 ต่อหุ้น เขายังเผยแผนสร้างศูนย์ข้อมูล €1 พันล้านในเยอรมนี และเตรียมเซ็นข้อตกลงเพิ่มเติมกับ Samsung และ Hyundai ระหว่างเยือนเกาหลีใต้
7. Reuters รายงานว่า OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบใน ธ.ค. 2568 อีก +137kBD ในการประชุมร่วม JMMC ในวันที่ 2 พ.ย. 2568 ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับลง -1.54%
8. วันนี้ เวลา 06:00 น. เป็นวันแรกสำหรับการใช้จ่าย “คนละครึ่งพลัส” ผู้ค้ารายย่อย SMEs บริการขนส่ง และรถไฟฟ้าพร้อมเข้าร่วมโครงการ InnovestX Research มองเป็นบวกต่อกำลังซื้อในประเทศ และคาดโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยปี 2568 เติบโตที่ 1.8%
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Pending Home Sales YoY ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 2.9% จากก่อนหน้าที่ 3.8% และ Consumer Confidence ของญี่ปุ่น เดือน ต.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 35.5 จากก่อนหน้าที่ 35.3