
1. ตลาดหุ้นเอเชียผันผวน - นักลงทุนจับตาข้อมูลสหรัฐฯ ก่อนประชุมเฟด
2. รูบิโอ–วิตคอฟพบคณะผู้แทนยูเครนในฟลอริดา เดินหน้าหารือยุติสงครามรัสเซีย
3. PMI ภาคการผลิตจีนหดตัวต่อเนื่องยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์
4. OPEC+ คงแผนหยุดเพิ่มกำลังการผลิตไตรมาสแรกปี 2026 ท่ามกลางสัญญาณน้ำมันล้นตลาด
5. Bond yield 2 ปีญี่ปุ่นทะลุ 1% ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2008 ตลาดเพิ่มคาดการณ์ BOJ ขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.
6. ธปท. เผยภาพรวม ศก. ไทย ใน ต.ค. 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
1 December 2025
1. ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญก่อนการประชุมเฟดเดือนธันวาคม ซึ่งตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ราคาน้ำมันปรับขึ้นหลัง OPEC+ ยืนยันแผนหยุดเพิ่มการผลิตในไตรมาสแรกปี 2026 ส่วนราคาซิลเวอร์ทำสถิติใหม่ ด้าน S&P 500 ฟิวเจอร์สอ่อนตัวลงเล็กน้อยหลังดัชนีปรับขึ้น 0.5% ในวันศุกร์ แม้ตลาดสหรัฐฯ ถูกกระทบจากเหตุขัดข้องของ CME นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าเรื่องประธานเฟดคนใหม่ หลัง Kevin Hassett ระบุว่าพร้อมรับการตัดสินใจของทำเนียบขาว ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตจีนยังอยู่ในภาวะหดตัว แม้ปรับดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายน
2. รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเจรจากับคณะผู้แทนยูเครนในรัฐฟลอริดา โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ ผู้แทนพิเศษสตีฟ วิตคอฟ และจาเร็ด คุชเนอร์ร่วมประชุม เพื่อผลักดันกรอบข้อตกลงยุติสงครามรัสเซียซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปี คณะเจรจากยูเครน นำโดยรัสเตม อูเมรอฟ เปิดเผยว่าได้รับมอบหมายให้ปกป้องผลประโยชน์ของยูเครนและเรียกร้องหลักประกันความมั่นคงระยะยาว ด้านรัสเซียยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยูเครนตอบโต้โดยโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซีย ทั้งนี้ วิตคอฟเตรียมเดินทางไปรัสเซียสัปดาห์หน้าเพื่อหารือเพิ่มเติม ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลังที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดีเซเลนสกีลาออกภายใต้ข้อกล่าวหาคอร์รัปชัน
3. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนที่ 49.2 ต่ำกว่า 50 จุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ซึ่งเป็นช่วงหดตัวยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ PMI นอกภาคการผลิตปรับลงสู่ 49.5 เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามปี จากความอ่อนแอในภาคอสังหาริมทรัพย์และบริการที่อยู่อาศัย การผลิตอุตสาหกรรมไตรมาสนี้ขยายตัวต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี และการส่งออกกลับมาหดตัวอีกครั้ง แม้ความตึงเครียดจีน–สหรัฐจะผ่อนคลายหลังการพบปะผู้นำ แต่ความขัดแย้งกับญี่ปุ่นเพิ่มความไม่แน่นอน Bloomberg ประเมินว่านโยบายกระตุ้นเพิ่มเติมอาจไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากทางการจีนคาดว่า GDP ปีนี้ยังมีโอกาสแตะเป้าราว 5% หลังอัดฉีดมาตรการรวม 1 ล้านล้านหยวนตั้งแต่ปลายกันยายนที่ผ่านมา
4. OPEC+ ยืนยันหยุดการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเวลา 3 เดือนในไตรมาสแรกปี 2026 หลังซาอุฯ และสมาชิกเห็นชอบในการประชุมทางไกล ท่ามกลางสัญญาณอุปทานล้นตลาดที่ชัดเจนขึ้น มาตรการดังกล่าวสะท้อนท่าทีระมัดระวัง แต่ตลาดน้ำมันโลกยังมีแนวโน้มเผชิญส่วนเกินอุปทานในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งอาจกดดันราคาเพิ่มเติม น้ำมันดิบลอนดอนปรับลง 15% ตั้งแต่ต้นปีมาอยู่ราว 63 ดอลลาร์/บาร์เรล จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นในทวีปอเมริการ่วมกับการฟื้นกำลังผลิตก่อนหน้าของ OPEC+ ขณะที่ IEA คาดว่าส่วนเกินน้ำมันปี 2026 อาจสูงเป็นประวัติการณ์ และ Goldman Sachs กับ JPMorgan มองว่าราคายังมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง
5. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 2 ปีปรับขึ้นแตะ 1% เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ขณะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นจากแรงคาดการณ์ว่า BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. โดยตลาดสวอปให้น้ำหนักความเป็นไปได้ราว 62% และเพิ่มขึ้นเกือบ 90% สำหรับการประชุมเดือนมกราคม การคาดการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางเงินเยนอ่อนค่ากว่า 5% ในไตรมาสนี้ และเงินเฟ้อญี่ปุ่นที่สูงกว่าเป้าหมาย 2% ต่อเนื่อง ด้านกระทรวงการคลังเตรียมเพิ่มการออกพันธบัตรระยะสั้นและกลางเพื่อสนับสนุนแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทากาอิชิ ซึ่งอาจกดดันตลาดบอนด์เพิ่มเติมในช่วงถัดไป
6. ธปท. เผยภาพรวม ศก. ไทย ใน ต.ค. 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง จากการส่งออก โดยเฉพาะ กลุ่มเทคฯ, จำนวน นทท. ต่างชาติ และการบริโภคภาคเอกชน ในระยะถัดไปประเมินจะฟื้นตัวต่อจากการผลิตภาคอุตฯ ที่ทยอยกลับมาผลิต, การท่องเที่ยว, การส่งออกสินค้าอิเล็กฯ และมาตรการกระตุ้น ศก. ของภาครัฐ
ประเด็นที่ต้องติดตาม: RatingDog Manufacturing PMI ของจีน เดือน พ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 50.4 จากก่อนหน้าที่ 50.6 และ ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 48.8 จากก่อนหน้าที่ 48.7