1. หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงหลังคริปโตร่วง–บอนด์ผันผวนจากยีลด์ญี่ปุ่นพุ่ง
2. ภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวแรงสุดรอบ 4 เดือน คำสั่งซื้ออ่อน-ต้นทุนสูงกดดันผู้ผลิต
3. ผู้ว่าการ BOJ ส่งสัญญาณชัด โอกาสขึ้นดอกเบี้ยเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น
4. รูปีอินเดียอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ GDP โตแรง นักลงทุนกังวลดีลการค้ากับสหรัฐฯ
5. ธปท. เตรียมออกกฎ FX ใหม่ ลดแรงแข็งค่าบาท คุมเข้มธุรกรรมทองคำ
6. รัฐบาลไทยออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
7. ครม. เศรษฐกิจไทยเห็นชอบ 3 มาตรการปฎิรูปตลาดทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
2 December 2025
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง โดย S&P 500 แกว่งต่ำกว่า 6,800 ก่อนฟื้นกลับ ส่วน Russell 2000 ร่วงกว่า 1% จากแรงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังตลาดคริปโตถูกเทขายกว่า $1 พันล้านและ Bitcoin ดิ่งสู่ $85,000 ความผันผวนเพิ่มขึ้นในตลาดบอนด์ทั่วโลกหลังบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นพุ่ง หนุนให้ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปีขยับสู่ 4.09% นักลงทุนนับถอยหลังสู่ตัวเลข PCE และข้อมูลแรงงานก่อนประชุมเฟด 9–10 ธ.ค. โดย UBS คาดว่าเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 25 bps ในครั้งนี้ นอกจากนี้ UBS มองว่าคาดการณ์กำไรที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง 7–14% ในปีหน้า จะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนและเป็นแรงขับเคลื่อนหุ้นต่อไปในระยะสั้น
2. ภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนหดตัวแรงที่สุดในรอบ 4 เดือน โดยดัชนี ISM Manufacturing ลดลงสู่ 48.2 และอยู่ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 สะท้อนการหดตัวของกิจกรรมโรงงาน คำสั่งซื้อใหม่หดตัวเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ขณะที่ Backlogs ลดลงแรงสุดในรอบ 7 เดือน บ่งชี้ดีมานด์ที่ซบเซา ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยดัชนีราคาจ่ายสูงกว่าปีก่อนราว 8 จุด ส่งผลให้การจ้างงานภาคโรงงานสหรัฐฯ หดตัวมากขึ้น
3. คาซุโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ส่งสัญญาณชัดขึ้นว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. โดยระบุว่า BOJ จะพิจารณาข้อดี–ข้อเสียของการปรับอัตราดอกเบี้ยตามสภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ พร้อมย้ำว่าการขึ้นครั้งนี้จะเป็นเพียงการ “ลดระดับการผ่อนคลาย” มากกว่าการเบรกเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ตลาดสวอปประเมินโอกาสขึ้นดอกเบี้ยราว 64% สำหรับเดือนธันวาคม และเพิ่มเป็น 90% ภายในเดือนมกราคม ความคาดหวังดังกล่าวหนุนให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น ขณะที่บอนด์ 2 ปีแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 สมาชิกคณะกรรมการหลายคนยังสนับสนุนให้เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยกังวลว่าการชะลอการตัดสินใจอาจทำให้ BOJ ล่าช้าเกินไปในการควบคุมเงินเฟ้อ
4. ค่าเงินรูปีอินเดียร่วงทำสถิติใหม่ที่ 89.78 ต่อดอลลาร์ ก่อนที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อประคองค่าเงินบริเวณ 89.70 ส่งผลให้รูปีฟื้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 89.64 ความอ่อนแอของค่าเงินกดดันตลาดหุ้นและบอนด์ โดย Bond yield 5 ปีของอินเดีย ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่กันยายน นักวิเคราะห์ระบุว่าความไม่แน่นอนของดีลการค้ากับสหรัฐฯ และตัวเลขขาดดุลการค้าที่กว้างขึ้นเป็นแรงกดดันสำคัญ แม้ GDP ไตรมาสล่าสุดเติบโตแรงที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส (8.2% YoY) ขณะที่ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าเหลือ 6.2% หากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ รูปีอ่อนค่าแล้ว 4.5% ในปี 2025 ถือว่าอ่อนค่าที่สุดในเอเชีย
5. ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท หลังเงินบาทแข็งขึ้นราว 1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงขายดอลลาร์สหรัฐฯ ของผู้ส่งออก กระแสเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร และแรงซื้อจากผู้ค้าทองคำตามราคาทองโลกที่พุ่งกว่า 4% ธปท. เสนอปรับเพิ่มเพดานรายได้สกุลต่างประเทศที่บริษัทสามารถถือไว้ต่างประเทศ โดยคาดว่าบังคับใช้ก่อนสิ้นปี เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารรายได้และลดแรงแข็งค่าของเงินบาท พร้อมคุมเข้มธุรกรรมทองคำ โดยกำหนดให้สถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลเข้มงวดขึ้น และเสนอให้กระทรวงการคลังบังคับผู้ค้าทองรายใหญ่ส่งข้อมูลธุรกรรมเพื่อช่วยประเมินผลกระทบต่อค่าเงิน
6. รัฐบาลไทยออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ได้แก่ เงินเยียวยา, จ่ายค่าสินไหมทนแทนโดย คปภ., เงินทดแทนกรณีว่างงาน, ลดภาระค่าใช้จ่าย, การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, สินเชื่อสำหรับเยียวยา-ฟื้นฟู เป็นต้น ติดตามการเห็นชอบในที่ประชุม ครม. วันนี้
7. ครม. เศรษฐกิจไทยเห็นชอบ 3 มาตรการปฎิรูปตลาดทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง คือ บัญชีออมหุ้น (ISA) เพิ่มสิทธิ์ประโยชย์ทางภาษีและเปิดโอกาสลงทุนหุ้น ตปท., มาตรการคล้าย LTF โดยจะแก้ไขปัญหาการขายหุ้นเมื่อครบกำหนด และอนุญาตให้ บจ. ซื้อหุ้นคืน เพื่อแก้ปัญหาการขายออกของ LTF
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Inflation Rate YoY Flash ของยุโรป เดือน พ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 2.1% จากก่อนหน้าที่ 2.1%
