Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 30 ธ.ค. 2568

30 Dec 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงก่อนสิ้นปี ขณะที่ทองคำและเงินร่วงแรงจากความไม่แน่นอนเจรจาสันติภาพยูเครน
2. เซเลนสกีเผยว่าได้ขอ “หลักประกันความมั่นคง” จากสหรัฐยาว 30–50 ปี
3. จีนเปิดฉากซ้อมรบ “Justice Mission 2025” ล้อมรอบไต้หวัน
4. ภาคอุตสาหกรรมอินเดียโตแรงสุดรอบ 2 ปี หนุนจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง
5. Meta ซื้อกิจการ Manus สตาร์ทอัป AI agent เสริมทัพ AI
6. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไทย หดตัว -4.24% YoY ชี้ดีมานด์ในประเทศไม่สดใส 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
30 December 2025


1. ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ โดยดัชนี S&P 500 -0.35% และ Nasdaq -0.5% แม้หุ้นกลุ่ม Defensive ยังแข็งแกร่ง ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรลดลงและดอลลาร์ทรงตัวจากความคาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยปีหน้า ราคาทองและเงินปรับตัวลดลงแรงเพราะความไม่แน่นอนของดีลสันติภาพยูเครน–รัสเซีย หนุนการขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความเสี่ยงด้านอุปทาน ส่วนตลาดหุ้นยุโรปและตลาดเกิดใหม่ยังบวก 


2. เซเลนสกีกล่าวกับสื่อว่าข้อเสนอปัจจุบันของสหรัฐในกรอบแผนสันติภาพให้หลักประกันความมั่นคง 15 ปี แต่เขาได้ขอเลื่อนเพดานขึ้นเป็น 30–50 ปี เพื่อสร้างโครงสร้างป้องปรามรัสเซียระยะยาว และระบุว่าข้อตกลงใด ๆ ต้องผ่านประชามติในยูเครน เขาย้ำว่าการลงประชามติต้องเกิดในช่วงหยุดยิง แต่กล่าวหารัสเซียว่ายังไม่ต้องการหยุดยิงจริง เพราะยังเดินหน้าการโจมตีทางอากาศและมิสไซล์ต่อเนื่อง แม้มีการสื่อสารกับทรัมป์และพูดถึงสันติภาพในระดับผู้นำ ทรัมป์ระบุว่าการเจรจาสันติภาพ “คืบหน้าเข้าใกล้มาก ในขณะที่ตลาดมองว่าการขอเพิ่มเพดานความมั่นคงเป็น 30-50 ปีจะช่วยลดความเสี่ยงระยะยาวในภูมิภาค


3. กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ระดมกำลังทางบก เรือรบ เครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิด โดรน และกองกำลังจรวดรอบเกาะไต้หวัน ภายใต้การฝึก “Justice Mission 2025” ซึ่งประกาศเขตซ้อมรบและจำกัดทะเล–น่านฟ้าในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การซ้อมรบเน้นการปิดล้อมท่าเรือหลัก ตัดเส้นทางเข้า–ออกของไต้หวัน รวมถึงใช้กระสุนจริงและจำลองการโจมตีทั้งบนบกและทางทะเล โดยครั้งนี้เข้าใกล้เกาะไต้หวันมากกว่ารอบก่อน ส่งผลให้ต้องปรับเส้นทางบินและเดินเรือบางส่วน การฝึกเกิดขึ้นเพียง 11 วันหลังสหรัฐอนุมัติขายอาวุธให้ไต้หวันมูลค่า 11.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นดีลใหญ่สุดเท่าที่เคยมี และต่อเนื่องจากถ้อยแถลงของนายกฯ ญี่ปุ่นที่ระบุว่าอาจตอบโต้หากจีนบุกไต้หวัน จีนจึงประกาศว่าการฝึกครั้งนี้เป็น “คำเตือนรุนแรง” ต่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกองกำลังภายนอก ขณะที่ไต้หวันมองว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นภัยต่อเสถียรภาพภูมิภาค และยืนยันจะปกป้องประชาธิปไตยของตนเอง


4. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) ของอินเดียเดือนพฤศจิกายน 2025 ขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงสุดในรอบ 2 ปี และดีกว่าคาดการณ์มาก จากการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่โต 8.0% โดยเฉพาะหมวดโลหะ ยา และยานยนต์ สะท้อนกิจกรรมลงทุนที่แข็งแกร่ง ทั้งสินค้าเครื่องทุนโต 10.4% และหมวดโครงสร้างพื้นฐาน–ก่อสร้างโต 12.1% ขณะที่สินค้าคงทนโต 10.3% และสินค้าบริโภคไม่คงทนโต 7.3% กลับมาเพิ่มครั้งแรกในรอบ 4 เดือนจากแรงซื้อหลังเทศกาลและการเติมสต็อก อย่างไรก็ดี ผลผลิตไฟฟ้ายังหดตัว -1.5% และภาพรวมช่วงเม.ย.–พ.ย. FY26 โตเพียง 3.3% ต่ำกว่าปีก่อน ICRA ระบุแรงขยายตัวส่วนหนึ่งมาจากปฏิทินเทศกาลที่เลื่อนและการเร่งผลิตหลังฝนผิดฤดู พร้อมคาดว่า IIP เดือนธันวาคมอาจชะลอเหลือ 3.5–5.0% เมื่อฐานเปรียบเทียบสูงขึ้นและแรงเติมสต็อกลดลง ขณะที่ผลกระทบจากภาษีสหรัฐเริ่มกดดันภาคส่งออก


5. Meta ประกาศซื้อกิจการ Manus สตาร์ทอัป AI จากสิงคโปร์ที่พัฒนา “General AI Agent” สำหรับการทำงานอัตโนมัติบนคอมพิวเตอร์และคลาวด์ โดย Manus ทำรายได้ประจำต่อปี (ARR) ถึง 100 ล้านดอลลาร์ภายใน 8 เดือน และมีรายได้รวมกว่า 125 ล้านดอลลาร์ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัปที่โตเร็วที่สุดในปี 2025 Meta จะผสานเทคโนโลยี AI agent ของ Manus เข้ากับผลิตภัณฑ์หลักของตน รวมถึง Meta AI เพื่อขยายสู่ผู้ใช้หลายพันล้านคนและธุรกิจทั่วโลก ซีอีโอของ Manus ระบุว่าการเข้าร่วมกับ Meta จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนแข็งแรงขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแนวทางการทำงานเดิม การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนยกเครื่อง AI ครั้งใหญ่ของ Meta ซึ่งกำลังพัฒนาโมเดลใหม่ “Mango” และ “Avocado” สำหรับปี 2026 พร้อมจัดตั้งหน่วยงาน Meta Superintelligence Labs (MSL) ที่นำโดย Alexandr Wang ผู้ก่อตั้ง Scale AI ซึ่ง Meta เพิ่งเข้าถือหุ้น 49% มูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์


6. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไทย เดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 90.54 หดตัว -4.24% YoY และ -4.39% MoM ต่ำกว่าที่คาดว่าจะใกล้ทรงตัวหรือติดลบน้อยกว่านี้ สะท้อนภาพภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแรงต่อเนื่อง อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือประมาณ 55.5% บ่งชี้ว่ามี “กำลังการผลิตส่วนเกิน” สูง ทำให้ภาคเอกชนไม่มีแรงจูงใจลงทุนขยายกำลังผลิต ขณะที่เงินบาทแข็งค่ากดดันคำสั่งซื้อส่งออก และการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงกลั่นปิโตรเลียมทำให้หมวดปิโตรเลียมฉุดทั้งดัชนีลงแรง ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์บริเวณชายแดน, น้ำท่วมรุนแรงในภาคใต้, และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอกว่าที่คาด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ดีมานด์ในประเทศและดีมานด์ด้านบริการต่อภาคอุตสาหกรรมไม่สดใส 


ประเด็นที่ต้องติดตาม: ดัชนี PMI Chicago ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาดการณ์ที่ 39.6 ก่อนหน้าที่ 36.3

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5