
1.หุ้นเอเชียเขียวขจี นำโดยหุ้นชิปยักษ์ใหญ่อย่าง TSMC และ Samsung รีบาวด์ตามหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ
2.บอนด์ญี่ปุ่นถูกเทขาย เงินเยนอ่อนค่ารุนแรงจนทางการต้องส่งสัญญาณเข้าแทรกแซง
3.ทอง-เงิน-ทองแดง All-time Highจากความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ โดยทองขึ้นแตะระดับ $4,446 ทุบสถิติใหม่
4.จับตาความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ คืนนี้ หลังข้อมูล พ.ย. ร่วงต่ำสุดนับจากวิกฤตชัตดาวน์
5.นักกลยุทธ์ในตลาดกำลังตั้งข้อสงสัยปีนี้จะเกิด Santa Rally เช่นเดียวกับปี 2018 หรือไม่ หลังเหตุกังวล AI ยังไม่หายไปไหน
6.SET +1.40% รีบาวด์ตามหุ้นเทคฯ โลก นำโดย DELTA ที่ช่วยหนุนตลาดกว่า 13 จุด
1. ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันนี้ (22 ธ.ค.) นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นตามหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี MSCI AC Asia Pacific เพิ่มขึ้น 1% โดยมีแรงหนุนสำคัญจากหุ้นผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่าง TSMC และ Samsung Electronics นักลงทุนเริ่มกลับเข้าหาตลาดหุ้นอีกครั้งหลังจากที่มีการพักฐานก่อนหน้านี้จากความกังวลเรื่องการประเมินมูลค่ากลุ่ม AI นอกจากนี้ ความสนใจในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ของจีนยังช่วยหนุนกิจกรรมการระดมทุน IPO ในตลาดฮ่องกงและจีนให้กลับมาคึกคักในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันหยุดยาว
2. แม้ตลาดหุ้นจะสดใสแต่ตลาดตราสารหนี้ญี่ปุ่นกลับเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (JGB) อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.08% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1999 หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 0.75% เมื่อสัปดาห์ก่อน แรงขายบอนด์รุนแรงขึ้นเนื่องจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงสวนทางกับการขึ้นดอกเบี้ย จนทำให้นาย Atsushi Mimura รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ ต้องออกมาแสดงความกังวลอย่างหนักต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่ผิดปกติ และส่งสัญญาณพร้อมเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพ
3. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งทะยานอย่างรุนแรง โดยเฉพาะทองคำ (XAU/USD) และแร่เงิน (Silver) ที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่จากแรงหนุนของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีหน้า โดยราคาทองคำฟิวเจอร์สพุ่งขึ้น 1.3% แตะระดับ $4,446.30 ขณะที่แร่ทองแดง (Copper) ก็ทำสถิติ All-time high เช่นกันเนื่องจากอุปทานในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมยังคงตึงตัว ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.9% หลังประธานาธิบดีทรัมป์ยกระดับการปิดล้อมเวเนซุเอลา ซึ่งสร้างความกังวลต่อการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันโลก
4. ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ คืนนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคมจาก Conference Board ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากหลังจากความเชื่อมั่นในเดือนพฤศจิกายนร่วงลงไปอยู่ที่ 88.7 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนจากผลกระทบของการชัตดาวน์รัฐบาล แม้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 (ฉบับแก้ไข) ออกมาด้วย แต่ตลาดให้ความสำคัญน้อยกว่าเนื่องจากเป็นข้อมูลย้อนหลัง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความเชื่อมั่นจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันพร้อมสำหรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลและต้นปีหน้ามากน้อยเพียงใด
5. นักกลยุทธ์การลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วง "Santa Claus Rally" หรือจะเผชิญกับภาวะตลาดกลับตัวรุนแรงเหมือนในปี 2018 ที่เคยเกิดแรงเทขายหนักในช่วงก่อนคริสต์มาสจากปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งดอกเบี้ยขาขึ้นและความตึงเครียดทางการค้า แม้ว่าปัจจุบันบรรยากาศจะดูสงบลงแต่ความกังวลเรื่องการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่ม AI และทิศทางนโยบายของ Fed ในปี 2026 ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เกิดความผันผวนได้ในช่วงสั้นๆ ก่อนปิดงบปีนี้
6. ตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดที่ 1,269.68 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด (+1.40%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.1 หมื่นล้านบาท ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีโลก โดยมีหุ้น DELTA เป็นพระเอกในการรีบาวด์และช่วยหนุนดัชนีกว่า 13 จุด นอกจากนี้ตลาดยังได้รับอานิสงส์จากปัจจัยเฉพาะตัวในกลุ่มที่มีกระแสเงินสดดีและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศการเลือกตั้งที่เริ่มคึกคักขึ้น อุตสาหกรรมที่ปรับขึ้นนำโดย ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์ ปิโตรเคมี และท่องเที่ยว ขณะที่กลุ่มขนส่งและการแพทย์มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา
-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX
ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b