1.ฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ปรับลง ตลาดซบเซาหลังวันหยุดยาว
2.จับตา PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ คืนนี้ ก่อนรายงานตัวเลขจ้างงานสำคัญในวันศุกร์
3.Nestlé ช็อก! ซีอีโอถูกปลด เหตุมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกน้อง
4.ทองทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนจากความคาดหวัง Fed ลดดอกเบี้ย
5.น้ำมันปรับขึ้น ตลาดกังวลอุปทานขาดแคลนจากสงครามยูเครน
6.SET ปิดบวก คาดรับแรงเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการเมืองคลี่คลาย
🌙 เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 2 กันยายน 2568
1. ฟิวเจอร์ส Dow ลดลง 0.3%, S&P 500 Futures ลดลง 0.2% และ Nasdaq 100 Futures ลดลง 0.3% ตลาดหลักวอลล์สตรีทปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันหยุดวันแรงงาน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นปิดตัวลงเล็กน้อยจากแรงกดดันในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไรก็ตาม แม้เดือนสิงหาคมตามปกติจะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นทำผลงานได้ไม่ดี แต่ S&P 500 กลับเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนนี้ ทำให้กำไรตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10% ซึ่งเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ตลาดร่วงลงในเดือนเมษายนจากความกังวลเรื่องภาษีของสหรัฐฯ
2. นักลงทุนกำลังหันกลับมาจับตาปฏิทินเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนที่สำคัญยิ่งในวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าหากตัวเลขการจ้างงานในเดือนสิงหาคมออกมาอ่อนแอ จะยิ่งช่วยยืนยันความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ในระหว่างนี้ ตลาดจะติดตามตัวชี้วัดอื่นๆ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ จาก Institute for Supply Management ที่จะเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 49.0 จาก 48.0 ในเดือนกรกฎาคม แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
3. หุ้นของ Nestlé (NESN) ที่จดทะเบียนในสวิตเซอร์แลนด์ร่วงลงกว่า 3% ในวันนี้ หลังจากบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ประกาศปลดซีอีโออย่างกะทันหันเป็นครั้งที่สองในรอบปี Laurent Freixe ซีอีโอคนปัจจุบันถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบพบว่าเขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งขัดต่อจรรยาบรรณของบริษัท Nestlé ได้แต่งตั้ง Philipp Navratil อดีตผู้บริหารมากประสบการณ์ที่เคยดูแลธุรกิจกาแฟ Nespresso เข้ามารับตำแหน่งแทนทันที การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มความท้าทายใหม่ๆ ให้กับบริษัทที่ต้องเผชิญกับยอดขายที่ซบเซาและราคาหุ้นที่ลดลงมาหลายปี รวมถึงการปลดอดีตซีอีโอ Mark Schneider เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
4. ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันนี้ โดยคุณค่าในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โลหะอื่นๆ ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยราคาเงินพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี ราคาทองคำ Spot พุ่งขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,508.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ Gold Futures สำหรับเดือนธันวาคมแตะจุดสูงสุดที่ 3,578.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
5. ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนประเมินความเสี่ยงที่อุปทานอาจหยุดชะงักจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เมื่อเทียบกับการเพิ่มกำลังการผลิตจากสมาชิก OPEC+ ราคาน้ำมันดิบ Brent สำหรับส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.9% เป็น 68.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1% เมื่อวันจันทร์
6. SET Index ปิดที่ 1,248.78 จุด (+4.30 จุด / +0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อในกลุ่มการเงิน, ปิโตรเคมี และค้าปลีก โดยมีการเก็งกำไรว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหลังจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น แรงซื้อมาจากกลุ่มการเงิน ปิโตรเคมี ค้าปลีก การแพทย์ และ ICT ในขณะที่แรงขายมาจากกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เกษตร และประกันภัย
-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX
ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
