บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นต่อจากความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกและสหรัฐหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ทำให้ตลาดเพิ่มนำหนักในการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 2024 เพิ่มขึ้น ขณะที่จีนปรับตัวลงสวนทางตลาดอื่นหลังภาพเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กระแสเงินในวันที่ 3 ก.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน มีแรงซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น 2) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นโลกจากภาพของการลดดอกเบี้ยและเศรษฐกิจที่ไม่แย่อย่างที่กังวล 3) มีแรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีและ Semiconductor หลังจากราคาหุ้นย่อตัวลง แต่ยังมีขายในหุ้นธีม Growth ทั้งนี้มองว่าเป็นเรื่องของความกังวลด้านเศรษฐกิจที่จะส่งผลกับการเติบโตของกำไร 4) ตลาดหุ้นเอเชียมีแรงขายจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้าและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา 5) มีแรงขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากท่าทีของ BOJ ที่จะดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น Samsung Electronics ประมาณการกำไรจากการดำเนินงานใน 2Q24 เพิ่มขึ้นหนุนจากฐานที่ต่ำในปีที่ผ่านมา, ราคาเซมิคอนดักเตอร์ที่ฟื้นตัวขึ้น และความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น ด้วยภาพนี้ทำให้เราเชื่อว่าภาพงบและแนวโน้มยังคงฟื้นตัวที่ดีในปี 24 สะท้อนจากมุมมองเชิงบวกของ Samsung ที่ออกมาในทิศทางเดียวกันกับ Micron,แนวโน้มการเติบโตที่แกร่งของ HBM, แนวโน้มราคาชิป NAND ที่ปรับขึ้นผลจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นไม่เท่าทันกับอุปสงค์ ด้วยภาพนี้ทำให้เราเชื่อว่ายังควสามารถลงทุนในกลุ่มเซมิฯได้ โดยแนะมองในช่วงที่ราคาย่อตัวลง สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศว่าจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าชั่วคราวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคมนี้ โดยภาษีชั่วคราวนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลาสูงสุด 4 เดือน หลังจากนั้น EU จะตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการภาษีถาวรหรือไม่ ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ด้วยภาพนี้ทำให้เรามองว่าระยะสั้นราคาหุ้นกลุ่ม EV อาจผันผวนจากประเด็นนี้ได้ ซึ่งใครสนใจลงทุนอาจรอให้ประเด็นนี้มีความชัดเจนก่อน โดยเราแนะติดตามท่าทีจนถึงวันที่ 18 ก.ค.หลังจะมีการเจรจาระหว่าง EU และจีนเพื่อหาทางออกร่วมกัน |
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240705_T |