บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงกดดันจากกลุ่มเทคฯใหญ่ที่ย่อตัวลงหลังมีการขายทำกำไร ขณะที่สหรัฐเผยข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดและทำให้ตลาดคาด Fed จะปรับลดดอกเบี้ยใน ก.ย. กระแสเงินในวันที่ 10 ก.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน มีแรงซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น 2) มีแรงซื้อในตลาดหุ้น EM และเอเชียจากภาพของการลดดอกเบี้ยและเศรษฐกิจที่ไม่แย่อย่างที่กังวล รวมถึงความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน 3) มีแรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีจากแนวโน้มการเติบโตใน 2H24 โดยเฉพาะ Semiconductor 4) มีแรงซื้อในหุ้นขนาดเล็กจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะลดลง 5) มีแรงขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากท่าทีของ BOJ ที่จะดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น 7) กระแสเงินในรายกลุ่มอุตสาหกรรมค่อนข้างจำกัด มีแรงขายในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ Materials และสินค้าอุตสาหกรรมจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง Pfizer กำลังพัฒนายาลดน้ำหนักชนิดรับประทานชื่อ Danuglipron โดยการทดลองพบว่าประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักสามารถแข่งกันกับรายอื่นได้และมองว่าเป็นความคืบหน้าในเชิงบวกหลังการพัฒนายาลดน้ำหนักแบบกินอาจจะส่งผลให้ Pfizer เป็นผู้นำในตลาดนี้ แต่มองว่าสิ่งที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นคือการฟื้นตัวของกำไรใน 2H24 และยาที่เกี่ยวกับมะเร็ง โดยหุ้นเทรดที่ P/E 10-12x และมีเงินปันผล 6% ซึ่งถือว่าน่าสนใจที่ระดับนี้ ราคาเป้าหมายเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ US$32.3 หรือ 13% จากราคาปัจจุบัน Tesla -8.4% หลังเลื่อนการเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ซึ่งเรามองว่า 1) ประเด็นนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงหลังในช่วงก่อนหน้ามีการคาดหวังต่อแนวโน้มธุรกิจใหม่ที่จะมาช่วยเยียวยายอดขาย EV ที่ชะลอตัวลงได้ 2) มองการเลื่อนเปิดตัว Robotaxi ส่งผลกระทบจำกัดมากหลังคาดว่าจะมีรายได้เริ่มต้นในปี 27 3) แนวโน้มงบยังคงซบเซาใน 2Q24 4) การแข่งขันในอุตฯที่สูง ซึ่งภาพรวมนี้ทำให้เรามองราคาหุ้นในระยะสั้นยังมีความผันผวน อย่างไรก็ดีประเมินพัฒนาการเชิงบวกใน 2H24 ที่ดีกว่าครึ่งปีแรกหลังมีความคาดหวังเชิงบวกต่อบริการและธุรกิจใหม่ PepsiCo เผยงบ 2Q24 ออกมาในทิศทางผสม โดยรายได้ผิดคาดหลังปริมาณการขายในส่วนผลิตภัณฑ์อาหารลดลงซึ่งภาพรวมมาจากตลาดสหรัฐฯ หลังผู้บริโภคหันไปซื้อแบรนด์ซูเปอร์ฯที่ราคาถูกกว่า ขณะที่ Bright Spot ของงบคือ 1) ตลาดต่างประเทศยังเติบโตยกเว้นจีน 2) ยอดขายเครื่องดื่มยังเติบโต +1% 3) กำไรต่อหุ้นดีกว่าคาด ในส่วนการลงทุน เรามองว่า PEP ยังคงเป็นอีกหนึ่งหุ้น Defensive ที่มีแบรนด์แกร่ง ปัจจัยพื้นฐานมั่นคง ทำให้การลงทุนในหุ้นแบบนี้เหมาะกับการลดความผันผวนพอร์ตมากกว่าการคาดหวังการเติบโต |
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240712_T |