บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงมากกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็ว กระแสเงินในวันที่ 14 ก.พ. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน มีแรงซื้อในตราสารหนี้คูรภาพดีและขายในตราสารหนี้ High Yield อาจจะมองได้ว่าตลาดอาจจะมองถึงความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น 2) มีแรงซื้ออย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีน (จีนแรงซื้อน้อยลง) จากกองทุนจีนมีการซื้อ ETF ตามมาตรการสนับสนุนตลาด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้น 3) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมองเป็นท่าทีของ BOJ ที่ต้องการให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า 4) กระแสเงินในกลุ่มเทคโนโลยีผันผวน ตลาดกำลังชั่งน้ำหนักเรื่องการฟื้นตัวและ AI กับราคาที่ขึ้นมาและ Valuation ที่เพิ่มขึ้น 5) มีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่ม Value มีแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากปรับตัวลงแรง 6) หุ้นขนาดเล็กมีแรงขาย มองเป็นแรงขายทำกำไร 7) กลุ่ม Consumer Staples มีแรงขายทั้งนี้เพราะผลประกอบการออกมาพบว่าราคาที่เพิ่มขึ้นเริ่มส่งผลกับปริมาณขายที่ลดลง ยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนม.ค.ลดลง 0.8%MoM ซึ่งมากกว่าคาดที่ 0.3% และน้อยกว่าเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่ง 9 ใน 13 กลุ่มมียอดขายลดลง นำโดยกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้างและตัวแทนขายรถยนต์ มีภาพภาพยอดค้าปลีกที่ลดลงหมด อย่างไรก็ดียอดขายในร้านอาหารและบาร์เป็นบวกได้ Applied Materials เผยงบดีกว่าคาดและฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากยอดขายจากจีนเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ทั้งนี้คาดการณ์ยอดขายและกำไรดีกว่าคาดซึ่งการฟื้นตัวจะเร่งขึ้นในช่วง 2H24 ขณะที่เรามองว่าการฟื้นตัวของกลุ่มอุตฯต้นน้ำแกร่งกว่าอุตฯปลายน้ำ เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ นั้นมีการฟื้นตัวที่มีความแตกต่างกันตามแต่วัฏจักร อย่างไรก็ดีในส่วนของต้นน้ำมแนะมอง ASML และ TSM ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่และมีความผันผวนน้อยกว่า AMAT |
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240216_T |