- ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาด ทำให้ตลาดกังวลกับการขึ้นดอกดเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐน้อยลง ประกอบกับตัวเลขที่บ่งชี้การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนดีขึ้น พร้อมกับสัญญาณในการสนับสนุนและผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในกลุ่มเทคโนโลยีของจีน
-
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดเงินนั้นมีกระแสเงินไหลออก ขณะที่กระแสเงินในตลาดหุ้นเป็นเงินไหลเข้า โดยมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นยุโรปเป็นสำคัญ ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่นอย่างญี่ปุ่น จีนและตลาดอินเดียมีเงินไหลเข้า ส่วนกลุ่มที่มีเงินไหลเข้ามากได้แก่กลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มสินค้าจำเป็น มีเงินไหลเข้ายังสะท้อนว่ามีแรงเก็งกำไรเป็นระยะ ในขณะที่กลุ่มที่อิงกับภาพเศรษฐกิจอย่างกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานมีเงินไหลออก โดยกลุ่มพลังงานมีเงินไหลออก 14 สัปดาห์ติดต่อกัน
-
- ในสัปดาห์นี้ติดตาม 1) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยยอดค้าปลีกของสหรัฐฯและการผลิตภาคอุตฯที่คาดว่าชะลอตัวลงจากเดือนก่อน 2) ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นทั้ง GDP และการผลิตภาคอุตฯ ขณะที่ยอดค้าปลีกคาดเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัว 3) ตัวเลขเงินเฟ้อในยูโรโซนและสหราชอาณาจักรที่คาดชะลอตัวลง อย่างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดุลการค้าที่คาดว่าแย่ลง 4) EU foreignaffairs ministers meet การประชุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสหภาพยุโรป 5) ผลประกอบการของ Abbott Laboratories, American Express, ASML Holding, Bank of America, Blackstone, Charles Schwab, Goldman Sachs, Unilever, Infosys, Intuitive Surgical, Johnson & Johnson, Morgan Stanley, Netflix, Novartis, Philip Morris, SAP, TSMC, Tesla, Volvo
-
- ภาพรวม – ตลาดได้รับข่าวดีจากเงินเฟ้อที่ลดลงมากกว่าที่คาดและจีนมีมาตรการผ่อนคลายที่คุมเข้มของกลุ่มเทคโนโลยีของจีน ทำให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง แต่อย่างไรก็ดีเรายังคงกังวลกับการชะลอตัวลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภคจากภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ในสัปดาห์ถัดไปตลาดจะกลับไปเน้นที่ผลประกอบการของสหรัฐที่มองว่าจะมีแรงกดดันด้านอัตราการทำกำไรและคาดว่ากำไรจะทำจุดต่ำสุดหลังลดลงมา 3 ไตรมาสติดต่อกัน
-
- กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (17-21 ก.ค.) มองว่า 1) ตัวเลข GDP ของจีนที่ชะลอตัวลงอาจจะส่งผลกับตลาดไม่เยอะเพราะตลาดมองไปที่มาตรการกระตุ้น ศก 2) ตัวเลขการผลิตของสหรัฐที่ยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง 3) ตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรปที่เริ่มลดลงต่อเนื่องและผ่านจุดสูงสุด 4) ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐ
-
- หุ้นแนะนำ – เราแนะนำหุ้นคุณภาพดีหุ้นและมีแนวโน้มของผลประกอบการที่จะทำจุดต่ำสุดและมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่าง TSMC และ Johnson & Johnson
|