บทสรุป
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงราว 1% หลังภาพความเสี่ยง Geopolitical Risk ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้นหลัง 1) สหรัฐฯ พิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมกลุ่มเซมิฯ 2) ความคิดเห็น Trump ที่มองว่าไต้หวันควรจ่ายค่าใช้จ่ายในการป้องกันประเทศให้สหรัฐฯ ซึ่งภาพนี้ทำให้กลุ่มเซมิฯได้รับแรงกดดันและปรับตัวลงแรงนำตลาด
- กระแสเงินในวันที่ 16 ก.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน มีแรงซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและหุ้นกู้จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น 2) มีแรงซื้อในหุ้นขนาดเล็กจากประเด็นความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและเป็นเรื่องการเปลี่ยนกลุ่มเล่นจากหุ้นขนาดใหญ่ 3) มีแรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีจากแนวโน้มการเติบโตใน 2H24 แต่กระแสเงินชะลอตัวลง 4) มีแรงซื้อกลุ่มที่อิงดอกเบี้ยอย่างอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค 5) มีแรงขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากท่าทีของ BOJ ที่จะดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น 7) กระแสเงินในตลาดหุ้นจีนและ EM ค่อนข้างผันผวน แต่จีนยังมีภาพการขายอยู่ต่อเนื่อง 7) กลุ่มการเงินมีแรงซื้อจากผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าที่คาด
- รายงาน Beige Book ช่วยเสริมความมั่นใจให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเห็นสัญญาณของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและแรงกดดันด้านราคาที่ลดลง ขณะที่หากมองในภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวบางเบา รวมถึงการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังของผู้บริโภคนั้น เราแนะมอง 1) กลุ่มสินค้าจำเป็นที่ยังคงมีแรงซื้อ รวมถึงสามารถลดความผันผวนของพอร์ตได้อย่าง WMT COST 2) กลุ่มคอมเมิซที่ยังคงได้รับประโยชน์จากภาพการจับจ่ายของผู้บริโภคที่มีกลยุทธ์มากขึ้น โดยเน้นโปรโมชั่นหรือสินค้าลดราคา ในธีมนี้เราแนะมอง AMZN PDD
- หุ้นเซมิฯปรับตัวลงแรงหลังความเสี่ยง Geopolitical Risk เพิ่มขึ้น โดยสหรัฐฯ พิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกเซมิฯขั้นสูงไปยังจีนใน ASML Tokyo electron รวมถึงความคิดเห็นจาก Trump ต่อไต้หวันว่าควรจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศให้สหรัฐฯ ภาพนี้ทำให้เรามองว่าในระยะสั้นกลุ่มเซมิฯอาจมีความผันผวนจากความคาดหวังที่สูงและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่อย่างไรก็ดีหากดูปัจจัยพื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและแกร่งเหมือนเดิม ด้วยภาพนี้ทำให้เรามองว่าราคาหุ้นที่ลงอาจเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อคาดหวังการฟื้นตัวต่อใน 2H24
- การส่งออกของญี่ปุ่นเติบโต 5.4% YoY แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ 7.2% แต่อย่างไรก็ตามหากมองที่ Volume การส่งออกในเดือนมิถุนายน 2567 ลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแบ่งตามภูมิภาคดังนี้ สหรัฐอเมริกา -2.9% สหภาพยุโรป -20.1% เอเชีย -5.3% จีน -8.9% ความแตกต่างอย่างชัดเจนแสดงให้เห็นว่าการอ่อนค่าของเงินเยนกำลังบดบังจุดอ่อนที่แท้จริงในอุปสงค์การส่งออก
- รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบโมเดล AI ขนาดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยี เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับ "ค่านิยมสังคมนิยมหลัก" ของจีน บังคับให้บริษัทเทคยักษ์ใหญ่และสตาร์ทอัพ AI เช่น ByteDance, Alibaba, Moonshot และ 01.AI เข้าร่วมการตรวจสอบโมเดล AI การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นในภาคส่วน AI ของจีนอาจทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของภาคส่วน AI ยังคงเป็นเรื่องการทำกำไรที่อ่อนแอ มากกว่าการกำกับดูแลที่เพิ่มขึ้น บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Alibaba Tencent และ Bytedance มีแนวโน้มที่จะปรับตัวได้ดีกว่าบริษัทขนาดเล็ก ส่วน Bidu ยังคงลำบาก
- ASML รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 เติบโตแข็งแกร่ง และธุรกิจแนวโน้มยังเติบโตต่อเนื่อง ด้วยยอดขาย คำสั่งซื้อและความต้องการ AI ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ ราคาหุ้น ASML ปรับตัวลง 11% DoD หลังมีแรงกดดันจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยสหรัฐกำลังพิจารณามาตรการจำกัดการส่งออกของ ASML ไปยังจีน ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ส่วน ASML เผยได้ปฏิบัติตามข้อจำกัดในจีนและได้ปรับธุรกิจบริการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่แล้ว เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเป็นจังหวะการลงทุนที่ดี เนื่องจากในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังเติบโต
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240718_T