PDF Available  
Digital Assets Weekly Pulse

Digital Assets Weekly Pulse (Period: 24 – 28 November 2025) : Bitcoin หลุดแนวรับสำคัญ–ความเสี่ยง Cycle Top เพิ่มขึ้น แต่ภาวะ Fear สูงสุดอาจเปิดโอกาสรีบาวด์ระยะสั้น

21 Nov 25 12:15 PM
สรุปสาระสำคัญ

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในสัปดาห์นี้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดย Bitcoin ราคาลงมาประมาณ 11% ที่ราว $89,000 ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงเดือนเมษายน 2025 ขณะที่ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลงกว่า 13% ลงมาราว $2,800 ด้านกระแสเงินไหลเข้าของกองทุนพบว่า Spot Bitcoin ETF มียอดเงินไหลออกกว่า -$1.11 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ ขณะที่ Spot Ethereum ETF เผชิญแรงขายราว -$728.57 ล้านดอลลาร์ ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี Fear & Greed ลงมาต่ำสุดในรอบ 4 ปี อยู่ที่ 14 ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสรีบาวด์ระยะสั้น โดยภาพรวมตลาดยังได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. แม้ตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย. ออกมาดีกว่าคาด แต่อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ประกอบกับการชะลอตัวของค่าจ้าง สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง

 

ตลาดคริปโทเข้าสู่ช่วงอ่อนไหวมากขึ้นจากสัญญาณเชิงลบทั้งเชิงเทคนิคและพฤติกรรมผู้เล่นรายใหญ่ โดย Cycle Top อาจเกิดขึ้นแล้วตามรูปแบบ 4-year cycle ขณะที่ Bitcoin หลุด 50-Weeks MA และแนวรับ $100,000 ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของรอบขาขึ้นตั้งแต่ปี 2023 แรงขายเกิดขึ้นวงกว้างทั้งตลาด โดย Altcoins ส่วนใหญ่ปรับลงเกิน -20% และ Crypto Stocks เกิน -30% ขณะที่ Bitcoin แม้ลดลง ~16% แต่ยังแข็งแกร่งกว่า สะท้อนสถานะเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่าในกลุ่ม High Beta ด้าน On-chain พบว่า Long-term Holders เทขายมากสุดตั้งแต่ปี 2024 กว่า 815,000 BTC ใน 30 วัน และฝั่ง ETF อย่าง IBIT เผชิญเงินไหลออกหลายสัปดาห์รวมกว่า $2.19 พันล้าน เพิ่มแรงกดดันต่อราคา อย่างไรก็ตาม Fear & Greed Index ที่ระดับ 14 ต่ำสุดในรอบ 4 ปี เคยนำไปสู่การรีบาวด์ระยะสั้นในอดีต โดยราคามีแนวโน้มกลับขึ้นไปทดสอบเส้น SMA 200 วันก่อนกำหนดทิศทางว่าจะฟื้นตัวต่อหรือเข้าสู่ขาลงเต็มตัวในรอบถัดไป

1) ความเสี่ยง Cycle Top เพิ่มขึ้นตามรูปแบบ 4-year cycle

 

ข้อมูลย้อนหลังชี้ว่าราคา Bitcoin มักเคลื่อนไหวเป็นวัฏจักร 4 ปี ซึ่งเกิดจากช่วงห่างของจุดสูงสุดในแต่ละรอบ โดยจุดสูงสุดของราคาในอดีตมักเกิดขึ้นในเดือนที่ 35 นับจาก Cycle Low และในรอบนี้เดือนที่ 35 ก็ได้ผ่านไปแล้ว อีกทั้งหากนับจากจุดสูงสุดครั้งก่อนในเดือนพฤศจิกายน 2021 ถึงปัจจุบันจะพบว่าครบ 4 ปีพอดี ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ารอบนี้อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนที่เชื่อในรูปแบบ 4-year cycle เริ่มทยอยลดความเสี่ยง เพราะมองว่าตลาดอาจเข้าสู่ช่วงท้ายของรอบขาขึ้น

 

 

2) การหลุด 50-Weeks MA และแนวรับ $100,000 เพิ่มแรงกดดันต่อโครงสร้างขาขึ้น

 

ราคาของ Bitcoin หลุดลงต่ำกว่าเส้น 50-Weeks Moving Average ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญของรอบขาขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2023 และตามสถิติในอดีต การยืนเหนือเส้นนี้มักนำไปสู่การรีบาวด์ แต่ครั้งนี้กลับหลุดลงพร้อมกับหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ $100,000 ในเดือนพฤศจิกายน 2025 สะท้อนถึงแรงเทขายที่มีนัยสำคัญ ทำให้ความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเข้าสู่ช่วงอ่อนตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ

 

 

3) แรงขายวงกว้างในตลาด แต่ Bitcoin ยังแข็งแกร่งกว่า Altcoins และ Crypto Stocks

 

แรงเทขายในเดือนที่ผ่านมาเกิดขึ้นหนักทั่วตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและหุ้นที่เกี่ยวข้อง โดย Altcoins ส่วนใหญ่ลดลงมากกว่า -20% และ Crypto Stocks ลดลงมากกว่า -30% ซึ่งสะท้อนความเป็น High Beta ของสินทรัพย์เหล่านี้ เมื่อเทียบกับ Bitcoin ที่ปรับลงเพียงประมาณ -16% แสดงให้เห็นว่าแม้ตลาดโดยรวมจะอ่อนแรง แต่ Bitcoin ยังคงได้รับความเชื่อมั่นมากกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ในภาวะผันผวนสูง

 

 

4) Long-term Holders เทขายหนักที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2024

 

ข้อมูล On-chain พบว่า Long-term Holders (LTHs) มีแรงขายในระดับสูงมาก โดยขายสะสมกว่า 815,000 BTC ภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 การขายของผู้ถือระยะยาวในปริมาณมากสะท้อนว่าหลายรายกำลังทยอยทำกำไรหลังถือมาอย่างยาวนาน และแรงขายจากกลุ่มที่ปกติไม่ค่อยเคลื่อนไหวได้เพิ่มแรงกดดันต่อราคาให้ผันผวนหนักขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

 

 

5) Spot Bitcoin ETF (IBIT) มียอดเงินไหลออกสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้ง

 

Spot Bitcoin ETF ของ BlackRock (IBIT) เผชิญแรงขายจากนักลงทุนสถาบันอย่างชัดเจน โดยบันทึกเงินไหลออกสุทธิวันเดียวสูงสุด $523.15 ล้าน และมีเงินไหลออกต่อเนื่อง 5 วันรวม $1.43 พันล้าน ตัวเลขรายสัปดาห์ยังติดลบต่อเนื่อง 4 สัปดาห์รวม $2.19 พันล้าน สะท้อนความต้องการลงทุนผ่าน ETF ที่ลดลง ท่ามกลางภาวะตลาดที่ขาดปัจจัยสนับสนุน และทำให้ราคา Bitcoin ถูกกดดันในระยะสั้นมากยิ่งขึ้น

 

 

6) Fear & Greed ต่ำสุดในรอบ 4 ปี แต่เป็นระดับที่เคยนำไปสู่การรีบาวด์

 

ดัชนี Crypto Fear & Greed ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 14 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี และอยู่ในโซน “Extreme Fear” ซึ่งในอดีตช่วงปี 2020, 2021 และ 2022 ระดับนี้เคยนำไปสู่การรีบาวด์ระยะสั้นแทบทุกครั้ง เพราะแรงขายส่วนใหญ่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว และนักลงทุนบางส่วนเริ่มสะสมในช่วงราคาที่ลดลง ทำให้ระดับ Extreme Fear อาจเป็นสัญญาณเชิงบวกในมุมของโอกาสการรีบาวด์ในรอบนี้เช่นกัน

 

 

7) Bitcoin มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันก่อนเลือกทิศทาง

 

ข้อมูลย้อนหลังปี 2017–2025 แสดงให้เห็นว่าเมื่อราคา Bitcoin ปรับตัวลงแรง ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ราคามักดีดกลับขึ้นไปทดสอบเส้น SMA 200 วันก่อนกำหนดทิศทางใหม่ หากราคารีบาวด์ขึ้นทะลุเส้นดังกล่าวได้ อาจสร้างโมเมนตัมต่อเนื่องในเชิงขาขึ้น แต่หากไม่สามารถผ่านได้ ราคามักกลับตัวลงและเข้าสู่แนวโน้มขาลง ทำให้เส้น 200 วันเป็นระดับที่ต้องจับตาว่าราคาจะเลือกทิศทางใดในรอบถัดไป

 

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5