Keyword
เคาะซื้อ Weekly strategy

เคาะซื้อ Updates - ประเมินผลประชุม Two Sessions ของจีน

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|6 Mar 25 10:00 AM
Program_Thumbnail-11
สรุปสาระสำคัญ

ผลการประชุม Two Sessions ของจีนออกมาในเชิงบวก โดยรัฐบาลเน้นกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและตั้งเป้าที่จะบรรลุการเติบโตของ GDP ที่ 5% ในปี 2568 โดยภาพรวมเรายังชอบการลงทุนในหุ้นจีน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมาอย่างต่อเนื่องและเน้นในหลายด้าน รวมถึงการที่จีนหันมาให้ความสำคัญกับภาคเอกชนมากขึ้น มองว่าเป็น Structural Change สำหรับการลงทุนในหุ้นจีนในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีจีนอาจจะมีการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง เรายังคงชอบกองทุน K-China-A(A) จากที่ได้แนะนำเคาะซื้อไปตั้งแต่ 13 ธ.ค.67 เพราะเป็นการลงทุนในหุ้นจีนในทุกตลาด A Share, H Share เชื่อว่าจะได้ผลบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจน

ประชุม “Two Sessions” ของจีน หรือ “สองสภา” ที่ประกอบไปด้วยสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ที่เป็นสภานิติบัญญัติสูงสุดของจีน และที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) โดยภาพรวมเรามองว่ามีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น และมีนโยบายเน้นสนับสนุนด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และรถยนต์ไร้คนขับ ขณะที่ยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ และหนี้รัฐบาลท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งด้านตลาดหุ้น มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

1. จีนใช้นโยบายการคลังขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง (2 ล้านล้านหยวน หรือ 1.1% ของ GDP) โดยเพิ่มงบประมาณขาดดุลปีนี้เป็น 4% จาก 3% ในปีก่อน (สูงสุดในรอบ 30 ปี) เพิ่มการออกพันธบัตรระยะยาว อนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรพิเศษ รวมถึงมีการออกพันธบัตรพิเศษเพื่อเพิ่มทุนให้ธนาคารขนาดใหญ่

2. พร้อมใช้นโยบายการเงิน คือ การลด RRR และดอกเบี้ยนโยบายเมื่อจำเป็น รวมถึงมีการอัดฉีดเงิน 5 แสนล้านหยวนในธนาคารของรัฐ เพื่อสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจใหญ่ๆ หรือโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลผลักดัน

3. เน้นนโยบายสนับสนุนด้านเทคโนโลยี โดยสนับสนุนด้าน AI, รถพลังงานสะอาด, Smart phone/PC ที่ใช้ AI, และหุ่นยนต์มนุษย์ รวมถึงผลักดัน Platform economy เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงานและกระตุ้นการบริโภค

4. เพิ่มมาตรการกระตุ้นการบริโภคต่อเนื่อง ประมาณ 3 แสนล้านหยวน (2 เท่าจาก ปี 2024 ที่ออก 1.5 แสนล้านหยวน) เพิ่มค่าจ้าง การจ่ายเงินบำนาญและเงินอุดหนุนประกันสุขภาพ และให้คำมั่นในเรื่องการสนับสนุนภาคสาธารณสุขและการดูแลผู้สูงอายุ โดย key word คือเปิดโอกาสให้ “ภาคเอกชน” เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

5. ลดเป้าเงินเฟ้อจาก 3% เป็น 2% เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 สะท้อนว่าจีนประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากสงครามภาษียังไม่สูงนัก และจะยืนยันเป้าการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2025 นี้ที่ 5%

6. ปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะหนี้รัฐบาลท้องถิ่น แม้ยังไม่ได้มีมาตรการใหม่ในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ แต่มีการกล่าวถึง “การป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ” เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี พร้อมให้คำมั่นว่าจะใช้เครื่องมือนโยบายการเงินเชิงโครงสร้างมากขึ้น เพื่อสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น

7. น่าสนใจว่านายกรัฐมนตรี Li Qiang มีการพูดถึงคำว่า “การบริโภค” 31 ครั้ง เทียบกับปีก่อนที่ 21 ครั้ง และพูดถึง “เทคโนโลยี” 28 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 26 ครั้ง สะท้อนว่าจีนให้ความสำคัญกับทั้ง 2 ประเด็นนี้มากขึ้น

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5