Keyword
Mutual Fund : Short/Medium Term Top Picks

(เคาะซื้อ: Event Play) กองทุน TISCOWB-A ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Wellbeing ที่มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

9 Sep 25 11:50 AM
1280x720 px
สรุปสาระสำคัญ

แนะนำเข้าลงทุนในหุ้นไทยในระยะสั้น (Event Play) โดยมอง Target ดัชนี SET Well-Being (SETWB) อยู่ที่ 658 จุด (+6.47%) และมีจุด Stop loss ที่ 578 จุด (-6.47%) ทั้งนี้ การตัดสินใจเข้าหรือออกจาก position จะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและ sentiment ของตลาดในขณะนั้นร่วมด้วย

  • Event: ภาพการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะเดียวกันรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่ง และการส่งเสริมท่องเที่ยวปลายปี หนุน sentiment หุ้นในประเทศ 
  • Fundamental: หุ้นกลุ่มบริโภคในประเทศคาดได้อานิสงส์จากมาตรการรัฐ โดยดัชนี SET Well-Being มีสัดส่วนหุ้นกลุ่มนี้สูงถึง 59% เทียบกับ 11% ใน SET50 อีกทั้ง SETWB ยังมี Valuation ที่น่าสนใจ (P/E 12.7x) ต่ำกว่า SET ขณะที่ภาพรวม EPS revision ปี 2025 และ 2026 ยังมีเสถียรภาพ สะท้อนปัจจัยบวกต่อพื้นฐาน
  • Technical: ดัชนี SETWB ทะลุ Downtrend line และเส้น 50 SMA พร้อมแกว่งในกรอบขาขึ้น (Uptrend Channel) บ่งชี้แนวโน้มบวก
  • แนะนำกองทุน: TISCOWB-A ลงทุนเชิงรุกในหุ้นกลุ่ม Wellbeing ที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการบริโภคฟื้นตัวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

[Event play คือ กลยุทธ์ลงทุนตามปัจจัยสนับสนุนระยะสั้น ด้วยสัญญาณ Technical และ Market Sentiment มี Catalyst สนับสนุน หรือ Event-play]

 

Event

 

• ภาพการเมืองมีความชัดเจน หนุนจิตวิทยาการลงทุน


การได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างคุณอนุทิน ชาญวีรกูล สร้างความชัดเจนทางการเมือง หลังจากตลาดหุ้นไทยเผชิญภาวะ Overhang ทางการเมืองมานาน การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีได้เรียบร้อย ช่วยคลายความกังวลของตลาด และส่งผลบวกต่อ sentiment การลงทุนในระยะสั้น


• ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยประสบการณ์


คณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและคณะทำงานประกอบด้วยบุคลากรมืออาชีพจากทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ดร. เอกนิติ นิติธรรม, คุณวรภัค ธันยาวงศ์, คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์, คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ และ ศ.ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ซึ่งต่างมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ถือเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่


• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่กำลังจะกลับมา


รัฐบาลมีแผนเดินหน้ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลายรายการ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง” ที่อาจกลับมาเร็วสุดในเดือนตุลาคม รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวปลายปี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแรงผลักสำคัญที่หนุนการบริโภคภายในประเทศและช่วยเร่งการฟื้นตัวของภาคบริการ


• นโยบายการเงินและการคลังสอดประสานกันมากขึ้น


ธนาคารแห่งประเทศไทยภายใต้การนำของผู้ว่าการคนใหม่ คุณวิทัย รัตนากร มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งสอดคล้องกับฝั่งนโยบายการคลังที่เร่งเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ทิศทางเศรษฐกิจไทยมีความต่อเนื่องและสอดคล้องมากขึ้น สร้างความมั่นใจต่อภาพรวมในระยะข้างหน้า

 

Fundamental

 

• กลุ่มการบริโภคคาดได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงท่องเที่ยว มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยดัชนี SET Well-Being มีสัดส่วนหุ้นในกลุ่มนี้ถึง 59% เทียบกับเพียง 11% ใน SET50 สะท้อนว่า SET Well-Being มีความเหมาะสมมากกว่าในการจับโอกาสจากธีมการฟื้นตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ

 

• แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ


ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอีกครั้ง โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ FOMC จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16–17 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดเกิดใหม่ (EM) โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่ยังถือว่า laggard เมื่อเทียบกับภูมิภาค เปิดโอกาสให้เกิดการไหลกลับของ Fund Flow ต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยว


• Valuation ยังอยู่ในระดับน่าสนใจ


ดัชนี SET Well-Being ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E ราว 12.72 เท่า ต่ำกว่าดัชนี SET ที่มี P/E ที่ 16.11 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับ Valuation ที่มีความน่าสนใจ โดยมี upside เปิดกว้าง หากเศรษฐกิจฟื้นตัวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและดอกเบี้ยที่ลดลง


• กำไรยังมีเสถียรภาพ ไม่ถูกปรับลดลง


ขณะที่ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 2025 และ 2026 ไม่ถูกปรับลดลงเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มผลประกอบการที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของตลาดโดยรวม

 

Technical

 

• ดัชนี SETWB ปรับตัวขึ้นทะลุเส้นแนวโน้มขาลง (Downtrend line) และเส้น 50 SMA ซึ่งถือเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่น่าสนใจ ปัจจุบันราคาแกว่งตัวอยู่ใน Uptrend Channel บ่งชี้ถึงแนวโน้มในการปรับตัวขึ้นต่อ โดยมี Target อยู่ที่ 658 จุด (+6.47%) และมีจุด Stop loss ที่ 578 จุด (-6.47%)

 

รูปที่ 1 : ดัชนี SETWB ปรับตัวขึ้นทะลุเส้นแนวโน้มขาลง (Downtrend line) และแกว่งตัวอยู่ Uptrend Channel

 

SETWB_09092025.png

Source : InnovestX Investment Products & Strategy, TradingView as of 9 September 2025

 

 

ดังนั้น เราแนะนำเข้าซื้อกองทุนแนะนำ TISCOWB-A ลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET Well-Being Index ซึ่งมีแนวโน้มได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภคภายในประเทศ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” และการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 

 

 

 

กองทุนแนะนำ: TISCOWB-A

เราทำการคัดเลือกกองทุนที่มี Universe การลงทุนในกลุ่ม SET Well-being Index เนื่องจากดัชนีดังกล่าวมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 30 อันดับแรกที่มีขนาดใหญ่สุด จาก 7 หมวดธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขันและต่างชาติให้ความสนใจ โดยเป็นบริษัทที่มีสภาพคล่อง และมีกำไร 2 ใน 3 ปีล่าสุด จากกลุ่มการพาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ การท่องเที่ยวและสันทนาการ การเกษตร และการขนส่งและโลจิสติกส์ และแฟชั่น

 

แนวทางการพิจารณาคัดเลือกกองทุน TISCOWB-A

เนื่องจากกองทุน TISCOWB-A เป็นเพียงกองทุนเดียวในไทยที่มีสัดส่วนการลงทุนเชิงรุกในหุ้นที่อยู่ใน SET Well-being Index ซึ่งตรงกับกลยุทธ์การลงทุนของทางทีมที่ต้องการเน้นเกี่ยวกับธีมการลงทุนใน Domestic Play เราจึงแนะนำลงทุนในกองทุนดังกล่าว

 

สรุปจุดเด่นของกองทุน TISCOWB-A

  1. กองทุน TISCOWB-A เป็นกองทุนเชิงรุกในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของ SET Well-being Index
  2. ดัชนี SET Well-being เป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้น 30 อันดับแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจาก 7 หมวดธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขันและต่างชาติให้ความสนใจ โดยเป็นบริษัทที่มีสภาพคล่อง และมีกำไร 2 ใน 3 ปีล่าสุด โดย 7 กลุ่มได้แก่ กลุ่มการพาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ การท่องเที่ยวและสันทนาการ การเกษตร และการขนส่งและโลจิสติกส์ และแฟชั่น
  3. มีกลยุทธ์ลงทุนเชิงรุก (Active Management) โดยจะทำการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom up และใช้ ESG Integration เพื่อคัดเลือกหุ้นประมาณ 15 บริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง มีผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพและมั่นคง
  4. สามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ไม่เกิน 20% โดยอาจลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สอดคล้องกับธีมการลงทุน เช่น ธนาคาร และสื่อสาร
  5. ประกอบด้วยทีมผู้จัดการกองทุน 2 ท่าน โดยมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมลงทุนเฉลี่ย 12 ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกองทุนเฉลี่ย 10 ปี
  6. กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนปัจจุบัน (31 Jul 2025) ได้แก่ พาณิชย์, อาหารและเครื่องดื่ม, ขนส่งและโลจิสติกส์, การแพทย์, การท่องเที่ยวและสันทนาการ
  7. ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุนในปัจจุบัน (31 Jul 2025) ได้แก่ AOT, BH, CRC, BDMS, CPALL
  8. ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี ดีกว่าดัชนีชี้วัด SET Well-being Index

 

กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทย Well-being (TISCOWB-A) เป็นกองทุนหุ้นไทยเชิงรุกที่ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET Well-being ซึ่งดัชนีที่ครอบคลุมหุ้น 30 อันดับแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจาก 7 หมวดธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขันและต่างชาติให้ความสนใจ โดยเป็นบริษัทที่มีสภาพคล่อง  (มี Free-float ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว และจำนวนหุ้นซื้อขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัท เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน) และมีกำไร 2 ใน 3 ปีล่าสุด จากกลุ่มการพาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ การท่องเที่ยวและสันทนาการ การเกษตร และการขนส่งและโลจิสติกส์ และแฟชั่น

 

โดยกองทุน TISCOWB-A มีนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active Management) โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการของกองทุนสูงกว่าดัชนีชี้วัด โดยจะทำการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom up และใช้ ESG Integration เพื่อคัดเลือกหุ้นประมาณ 15 บริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง มีผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพและมั่นคง

 

อย่างไรก็ตามกองทุนสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ไม่เกิน 20% โดยอาจลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สอดคล้องกับธีมการลงทุน เช่น ธนาคาร และสื่อสาร ซึ่งหากรวม 2 อุตสาหกรรมนี้จะทำให้พอร์ตการลงทุนสอดคล้องกับการบริโภคภายในประเทศที่ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของ GDP ประเทศไทย

 

ทีมผู้จัดการกองทุนของกองทุน TISCOHD-A ประกอบด้วยผู้จัดการกองทุน 2 ท่าน โดยมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมลงทุนเฉลี่ย 12 ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกองทุนเฉลี่ย 10 ปี

 

กลุ่มอุตสาหกรรม (Update as of 31 Jul 2025)

  1. พาณิชย์ 31.9%
  2. อาหารและเครื่องดื่ม 20.6%
  3. ขนส่งและโลจิสติกส์ 19.8%
  4. การแพทย์ 16.8%
  5. การท่องเที่ยวและสันทนาการ 10.2%

 

ตัวอย่างหุ้น 5 ตัวแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of 31 Jul 2025)

  • AOT ผู้บริหารสนามบินหลักในไทย ซึ่งรวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
  • BH โรงพยาบาลเอกชนระดับนานาชาติในกรุงเทพฯ ที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาแบบพรีเมียมและ Medical Tourism
  • CRC กลุ่มค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ครอบคลุมห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านแฟชั่นในไทย
  • BDMS เครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในไทย เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ สมิติเวช เปาโล เป็นต้น
  • CPALL ผู้ถือสิทธิ์ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในไทย มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ

 

ผลการดำเนินงานของกองทุนย้อนหลัง (Update as of 31 Jul 2025)

  • กองทุนสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ที่ -20.9% เทียบกับ SET Well-being Index ที่ -21.1%
  • กองทุนสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยปีละ -10.9% เทียบกับ SET Well-being Index ที่ -12.5%
  • กองทุนสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ -3.5% เทียบกับ SET Well-being Index ที่ -5.7%

 

 

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5