
แนะนำเข้าลงทุนหุ้น US Small Cap > 6 เดือน (Theme Play)
มอง Target ผ่านดัชนี Russell 2000 ที่ 2,800 จุด (+11%) และ Stop loss ที่ 2,200 จุด ทั้งนี้ การตัดสินใจเข้าหรือออกจาก position จะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและ sentiment ของตลาดในขณะนั้นร่วมด้วย
[Theme play คือ กลยุทธ์ที่มองหาโอกาสการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง เทรนด์ และแนวโน้มการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นโอกาสการลงทุน]
Event
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดของปี ตาม Seasonality ย้อนหลัง 20 ปี ซึ่งโดยเฉลี่ยให้ผลตอบแทนโดดเด่นในช่วงปลายเดือน ต.ค. ถึงสิ้นเดือน ธ.ค.
• เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. 2025 และอาจลดเพิ่มอีกครั้งในเดือน ธ.ค. 2025 พร้อมส่งสัญญาณยุติโครงการ QT ซึ่งหากเฟดระบุกรอบระยะเวลาชัดเจนในการยุติโครงการดังกล่าว ภายในการประชุมสัปดาห์นี้ จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบและหนุน sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
• ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไตรมาส 3/2025 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาด ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนและความเชื่อมั่นของตลาด
• ดัชนี Russell 2000 ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ สะท้อนแรงซื้อกลับและความเชื่อมั่นต่อหุ้นขนาดเล็กที่เริ่มกลับมา
Fundamental
• หุ้น US Small Cap มีสัดส่วนหนี้ลอยตัวสูงราว 45% (เทียบกับ S&P 500 ที่มีสัดส่วนเพียง 9%) ทำให้ได้ประโยชน์โดยตรงจากดอกเบี้ยขาลงและภาวะต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
• นโยบาย OBBB (One Big Beautiful Bill) ของรัฐบาลทรัมป์ เป็นแรงขับสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านการลดภาษี ขยายมาตรการ TCJA และกระตุ้นการลงทุนในประเทศ เช่น มาตรการหักค่าเสื่อม 100% และ ยกเว้นภาษีค่าล่วงเวลา/ทิป ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรของภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือน ส่งผลบวกต่อหุ้น Small Cap ที่มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงถึง 80% (เทียบกับ S&P 500 ที่ 60%)
• ผลประกอบการ ไตรมาส 3/2025 คาดว่าจะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่หุ้น US Small Cap (ดัชนี Russell 2000) กลับมาเติบโต YoY เป็นบวก และคาดว่าในไตรมาสต่อๆ ไปจะเติบโตโดดเด่นกว่าดัชนี S&P 500
• ด้าน Valuation หุ้น US Small Cap ซื้อขายที่ FWD P/E ราว 17.5 เท่า ต่ำกว่าดัชนี S&P 500 ที่ 23 เท่า ทำให้มี Valuation Discount ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ซึ่งหากกำไรฟื้นตามคาด มีโอกาสให้เกิด Re-rating ขึ้นได้อีก
• แม้ราคาหุ้น US Small Caps จะเริ่มฟื้นตัว แต่สัดส่วนมูลค่าเงินลงทุน (AUM) ในกองทุน ETF ที่อิงดัชนี Russell 2000 เมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี ขณะที่สถานะใน Futures/Options ยังคงเป็น Net Short สะท้อนว่า US Small Caps ยังคงอยู่ในภาวะ Underowned และยังมี Upside จากการกลับเข้ามาของกระแสเงินลงทุนใหม่เมื่อความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นตัว
Technical
• ดัชนี Russell 2000 อยู่ในทิศทางขาขึ้น และสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะกลาง
• สัดส่วนราคาสัมพัทธ์ (Relative price) ระหว่างดัชนี Russell 2000 กับดัชนี S&P 500 ส่งสัญญาณ Breakout จาก Downtrend Channel ในกรอบ 3 ปี พร้อมโมเมนตัมที่กลับมาเป็นบวก สะท้อนการเกิด Rotation จากหุ้นใหญ่สู่หุ้นขนาดเล็ก
โดยสรุป เราประเมินว่าหุ้น US Small Cap มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนรอบใหม่จากทั้งนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของเฟด นโยบายการคลังของทรัมป์ที่กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรบริษัทขนาดเล็ก รวมถึงแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับ Valuation ที่ยังไม่แพงและสัญญาณทางเทคนิคที่กลับมาเป็นบวก จะหนุนให้ ดัชนี Russell 2000 มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในระยะกลาง
กองทุนแนะนำ: SCBRS2000(A)
จาก Universe กองทุนรวมที่ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กที่มีลักษณะการบริหารแบบ Passive Management มีทั้งหมด 3 กองทุน (Update as of 30 September 2025) ได้แก่ SCBRS2000(A), B-US2000P และ KT-USSM-A

Source: Fund Factsheet
แนวทางการพิจารณาคัดเลือกกองทุน SCBRS2000(A)
สรุปจุดเด่นของกองทุน SCBRS2000(A)
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอสสมอลแคปพาสซีฟ SCBRS2000(A) เป็นกองทุนในกลุ่ม US Small Cap ที่ลงทุนในกองทุนหลัก iShares Russell 2000 ETF ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนีหุ้น Russell 2000 Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นขนาดเล็ก (Small-cap Stock Index) ที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 2,000 บริษัทขนาดเล็กที่มีมูลค่าตลาดต่ำสุดในกลุ่ม Russell 3000 Index และจัดดัชนีทำโดย FTSE Russell (บริษัทในเครือของ London Stock Exchange Group)
โดยการคัดกรองหุ้นในดัชนี Russell 2000 Index ทาง FTSE Russell เริ่มต้นด้วยการจัดอันดับหุ้นทั้งหมดในตลาดสหรัฐฯ ตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่ปรับแล้ว (float-adjusted) เพื่อสร้างดัชนี Russell 3000 ซึ่งครอบคลุมประมาณ 98% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นหุ้นของบริษัทสหรัฐฯ ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ มีสภาพคล่องเพียงพอ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งกลุ่มของ Russell 3000 โดยหุ้นอันดับที่ 1-1000 ตัวแรกจะเรียกกว่า Russell 1000 (Large-cap) และหุ้นอันดับที่ 1001-3000 ตัวถัดมาจะเรียกกว่า Russell 2000 (Small-cap) ซึ่งจะมีการปรับดัชนีประจำทุกปีตามเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนด
กองทุนหลัก iShares Russell 2000 ETF (IWM) เป็นกองทุน ETF ที่ติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี Russell 2000 บริหารโดย BlackRock ผ่านแบรนด์ iShares ซึ่งเป็นผู้จัดการ ETF รายใหญ่ที่สุดในโลก โดย IWM ETF ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 2000 ถือเป็น ETF หุ้นขนาดเล็กที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายต่ำเพียง 0.19% ต่อปี
5 กลุ่มอุตสาหกรรมแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of 22 Oct 2025)
ตัวอย่างหุ้น 5 ตัวแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of 23 Oct 2025)
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลัก
กองทุน iShares Russell 2000 ETF มีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง (as of 30 Sep 2025) ดังนี้
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์