Mutual Fund : Short/Medium Term Top Picks

(เคาะซื้อ: Theme Play) แนะนำเข้าลงทุนตลาดหุ้นอินเดีย กองทุน K-INDX รับโอกาส Re-rating และ Fund flow ไหลกลับ หลัง Valuation เริ่มสมเหตุสมผล ขณะที่อินเดียเร่งปฏิรูปภาคการเงินเพื่อดึงเงินทุนต่างชาติ

23 Dec 25 11:25 AM
1280x720 px
สรุปสาระสำคัญ

แนะนำเข้าลงทุนหุ้นอินเดีย > 6 เดือน (Theme Play) มองเป้าหมายผ่าน iShares MSCI India UCITS ETF (NDIA ETF) ที่ $11.05 (+12.2%) และ Stop loss $8.75 (-11.2%) ทั้งนี้ การตัดสินใจเข้าหรือออกจาก position จะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและ sentiment ของตลาดในขณะนั้นร่วมด้วย

  • Event: อินเดียเร่งปฏิรูปภาคการเงิน เปิดต่างชาติถือหุ้น 100% ในธุรกิจประกัน–บำนาญ ถือเป็น deregulation ครั้งใหญ่ ดึง long-term capital ขณะที่ RBI ดูแลค่าเงิน ลด FX volatility หนุน Fund flow
  • Fundamental: Valuation ตึงตัวลดลง (MSCI India FWD P/E อยู่ที่ 21.8 เท่า ใกล้ค่าเฉลี่ย 5 ปี) และ EPS ปี 2026 มีแนวโน้มเติบโต 12.5% เศรษฐกิจอยู่ในภาวะ Goldilocks ดอกเบี้ยขาลงหนุนหุ้น Domestic plays ตลาดยัง underowned และเป็น diversification play
  • Technical: NDIA ETF อยู่ใน uptrend ยืนเหนือเส้น 200 SMA และ relative price ใกล้แนวรับ หลัง underperform ตลาดหุ้น EM และ Asia ex Japan เปิดโอกาส rotation เข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียในระยะถัดไป
  • แนะนำกองทุน: K-INDX กองทุนดัชนีหุ้นอินเดีย MSCI India

[Theme play คือ กลยุทธ์ที่มองหาโอกาสการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง เทรนด์ และแนวโน้มการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นโอกาสการลงทุน]

 

Event

• รัฐบาลอินเดียเดินหน้าปฏิรูปภาคการเงินครั้งใหญ่ โดยเปิดให้ต่างชาติถือหุ้น 100% ในธุรกิจประกันและกองทุนบำนาญ พร้อมปรับกฎเกณฑ์ภาคธนาคารและตลาดทุน เพื่อดึง long-term foreign capital เข้าสู่ระบบการเงินและสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ช่วยยกระดับตลาดทุนอินเดียในระยะกลาง–ยาว


• การปฏิรูปดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการ deregulation ครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000 และช่วยเพิ่มความน่าสนใจของอินเดียในฐานะปลายทางเงินทุนระยะยาวของนักลงทุนสถาบันทั่วโลก


• ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เข้าแทรกแซงตลาด FX ผ่านการขายดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนบทบาทในการควบคุมความผันผวน และช่วยลดความเสี่ยงด้าน FX volatility ซึ่งเป็นหนึ่งในความกังวลหลักของนักลงทุนต่างชาติ โดยเสถียรภาพของค่าเงินที่ดีขึ้น จะเอื้อต่อการไหลกลับของ Fund flow ต่างชาติ เข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียในระยะถัดไป

Fundamental

• Valuation Premium ของตลาดหุ้นอินเดียเมื่อเทียบกับ Asia ex Japan ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากราว 90% เหลือประมาณ 53% ขณะที่ปัจจุบัน MSCI India ซื้อขายที่ FWD P/E ราว 21.8 เท่า ซึ่งอยู่ใกล้ ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สะท้อนว่าความตึงตัวด้าน Valuation ได้ผ่อนคลายลง โดย Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียมีโอกาส Re-rating ขึ้นได้จากเศรษฐกิจและกำไรเติบโตดี 


• Bloomberg Consensus คาดว่า EPS ของตลาดหุ้นอินเดียปี 2026 จะเติบโตประมาณ 12.5% สูงกว่าปี 2025 ที่โตราว 6% สะท้อนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยได้แรงหนุนจาก Domestic Demand ที่แข็งแกร่ง ทั้งการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน


• เศรษฐกิจอินเดียอยู่ในภาวะ Goldilocks เติบโตดีแต่ไม่ร้อนแรงเกินไป เงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้ รวมถึงได้แรงหนุนจากนโยบายการคลังและการเงิน ทำให้เอื้อต่อการเติบโต และเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นอินเดียสามารถฟื้นตัวในวงกว้าง


• แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงในช่วงปี 2025–2026 จะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ และกระตุ้นทั้งการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่ม Domestic plays โดยเฉพาะ Financials, Industrials และ Consumer ซึ่งมีน้ำหนักสูงในดัชนี MSCI India


• ตลาดหุ้นอินเดียยังอยู่ในภาวะ Underowned จากนักลงทุนต่างชาติ โดยถูกถือครองในสัดส่วนต่ำโดยนักลงทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปี ขณะเดียวกันตลาดมีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีและ AI ไม่สูง (เพียง 11%) จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวและระดับ Valuation ที่แพงของหุ้น AI ทำให้หุ้นอินเดียมีบทบาทเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง (Diversification play) ที่น่าสนใจในพอร์ตการลงทุน

Technical

• ราคาของ NDIA ETF เคลื่อนไหวใน Uptrend channel ระยะกลาง และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (200 SMA) บ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักในระยะกลางยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น


• Relative price ระหว่างตลาดหุ้นอินเดียกับตลาดหุ้น EM และ Asia ex Japan ปรับตัวลงมาใกล้ระดับแนวรับสำคัญ หลังจากตลาดหุ้นอินเดีย underperform เมื่อเทียบกับ EM และ Asia ex Japan อย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 สะท้อนว่า downside เชิงเปรียบเทียบเริ่มจำกัด และเปิดโอกาสให้เกิด rotation ของกระแสเงินลงทุน กลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียในระยะถัดไป


โดยสรุป เราประเมินว่าตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลางมากกว่า 6 เดือน จากปัจจัยเชิงโครงสร้างและนโยบายของภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในปี 2026 ขณะที่ระดับ Valuation ได้ผ่อนคลายลงมาอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ย เพิ่มความน่าสนใจเชิง risk–reward

 

กองทุนแนะนำ: K-INDX กองทุนดัชนีหุ้นอินเดีย MSCI India

 

คัดจาก Universe กองทุนรวมที่ลงทุนแบบ Passive ในหุ้นอินเดียและมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน มีทั้งหมด 2 กองทุน โดยเรามีแนวทางการคัดเลือกดังนี้

 

1.พิจารณากองทุนหลักที่มีสัดส่วนการลงทุนแบบ Passive Management โดยมีทั้ง 2 กองทุนหลัก และมีรายละเอียดกองทุนดังนี้

K-INDX-1.pngSource: iShares, KASSET and SCBAM as of 28 Nov 2025

 

2.คัดเลือกกองทุนที่มีการกระจายตัวในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลาง โดยอ้างอิงกลยุทธ์การลงทุนที่เชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวในภาพรวม ไม่เพียงแค่กระจุกตัวในหุ้นกลุ่มตัวใหญ่ แต่มีการกระจายตัวมาหุ้นขนาดกลางด้วย โดยหนุนจากนโยบายการเงินและการคลัง จึงคัดเลือกกองทุน K-INDX เป็นตัวเลือกในการลงทุน

 

สรุปจุดเด่นของกองทุน K-INDX

  1. กองทุน K-INDX เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นอินเดียแบบ Passive Management
  2. กองทุนหลัก iShares MSCI India UCITS ETF ลงทุนอ้างอิงดัชนี MSCI India ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นขนาดกลางในอินเดีย
  3. กองทุนหลักบริหารโดย BlackRock บลจ. อันดับ 1 ด้านการบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  4. กองทุนหลักกระจายลงทุนในหุ้นกว่า 160 ตัว ครอบคลุมราว 85% ของตลาดหุ้นอินเดีย
  5. กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักมากสุด 5 กลุ่ม ได้แก่ Financials, Consumer Discretionary, Industrials, IT, Energy
  6. ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุนได้แก่ HDFC Bank, Reliance Industries, ICICI Bank, Bharti Airtel, Infosys
  7. ผลตอบแทนกองทุนหลักย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ 58% ต่อปี (Nov 2025)

 

กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย (K-INDX) เป็นกองทุนในกลุ่ม India Equity ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares MSCI India UCITS ETF ซึ่งมีนโยบายลงทุนแบบเชิงรับ (Passive) โดยอ้างอิงดัชนี MSCI India Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นอินเดียขนาดกลาง-ใหญ่ โดยประกอบไปด้วยหุ้นมากกว่า 160 บริษัท ครอบคลุมราว 85% ของ universe หุ้นอินเดีย ทั้งนี้ ดัชนีถูกจัดทำโดย MSCI ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดทำดัชนีชั้นนำของโลก

 

(Disclaimer: กองทุน K-INDX มีการเปลี่ยนแปลงกองทุนหลักจาก iShares India 50 ETF มาสู่ iShares MSCI India UCITS ETF ณ วันที่ 30 Jun 2025)

 

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI India จะกำหนดน้ำหนักหุ้นตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่ปรับแล้ว (float-adjusted) เพื่อสร้างดัชนีหุ้นอินเดียที่มีการกระจายตัวที่ดี และไม่กระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว โดยกองทุนหลัก iShares MSCI India UCITS ETF  (NDIA:LN) เป็นกองทุน ETF ที่ติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี MSCI India บริหารโดย BlackRock ผ่านแบรนด์ iShares ซึ่งเป็นผู้จัดการ ETF รายใหญ่ที่สุดในโลก โดย NDIA ETF ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 2018

 

5 กลุ่มอุตสาหกรรมแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of Nov 2025)

  • Financials 29.7%
  • Consumer Discretionary 12.4%
  • Industrials 9.9%
  • IT 9.2%
  • Energy 9.1%

Source: iShares

 

ตัวอย่างหุ้น 5 ตัวแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of Nov 2025)

  • HDFC Bank LTD ธนาคารเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ให้บริการทางการเงินครบวงจรตั้งแต่ลูกค้ารายย่อยไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งสินเชื่อ บัตรเครดิต และบริการด้านวาณิชธนกิจ
  • Reliance Industries LTD กลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ดำเนินธุรกิจหลากหลายตั้งแต่พลังงานและปิโตรเคมี ไปจนถึงธุรกิจค้าปลีกและบริการโทรคมนาคม
  • ICICI Bank LTD สถาบันการเงินชั้นนำของอินเดียที่ให้บริการธนาคารพาณิชย์และการลงทุนแก่ลูกค้าบุคคลและองค์กร โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทั้งสินเชื่อ ประกันภัย และกองทุนรวม
  • Bharti Airtel LTD ผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับโลกที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในอินเดียและแอฟริกา ให้บริการทั้งเครือข่ายมือถือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโซลูชันดิจิทัลสำหรับธุรกิจ
  • Infosys LTD บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลก ให้บริการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์และโซลูชันดิจิทัล เพื่อช่วยองค์กรต่างๆ ในการปรับตัวและขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม

Source: iShares

 

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลัก

กองทุน iShares MSCI India UCITS ETF มีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง (as of 30 Nov 2025) ดังนี้

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี 0.56% ต่อปี เทียบดัชนีชี้วัดที่ 0.10% ต่อปี
  • ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 9.04% ต่อปี เทียบดัชนีชี้วัดที่ 9.41% ต่อปี
  • ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี 11.58% ต่อปี เทียบดัชนีชี้วัดที่ 12.15% ต่อปี

Source: Morningstar

 

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5