Keyword
Special Report - Global Strategy

การเลือกตั้งวุฒิสภาญี่ปุ่น 2025: จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการเมืองญี่ปุ่น แนะ Wait-and-see หุ้นญี่ปุ่น

21 Jul 25 11:50 AM
Special Report (Global Strategy)
สรุปสาระสำคัญ

การเลือกตั้งวุฒิสภาญี่ปุ่น 2025: จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการเมืองญี่ปุ่น แนะ Wait-and-see หุ้นญี่ปุ่น

By INVX Investment Strategy


21 ก.ค. 68

 

ผลการเลือกตั้ง: พรรครัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากทั้งสองสภา
การเลือกตั้งวุฒิสภาญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2025 กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีของญี่ปุ่น เมื่อพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งประกอบด้วยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง Komeito สูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภา นับเป็นการพ่ายแพ้อย่างรุนแรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็ได้สูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นจึงกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในทั้งสองสภา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่นยุคใหม่

โครงสร้างรัฐสภาและความหมายของ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”
ระบบรัฐสภาของญี่ปุ่นประกอบด้วยสองสภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร (สภาล่าง) และวุฒิสภา (สภาสูง) โดยสภาล่างมีบทบาทสำคัญกว่าในด้านการจัดตั้งรัฐบาลและการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี หากรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากในสภาล่าง อาจนำไปสู่การยุบสภาหรือการเปลี่ยนตัวผู้นำได้ ขณะที่วุฒิสภาทำหน้าที่ถ่วงดุลและกลั่นกรองกฎหมาย ซึ่งแม้จะไม่มีอำนาจโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ แต่สามารถชะลอหรือปฏิเสธร่างกฎหมายได้ การที่รัฐบาลอิชิบะเป็นเสียงข้างน้อยในทั้งสองสภาจึงไม่เพียงแต่ทำให้การออกกฎหมายยากขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงการเสื่อมถอยของอำนาจทางการเมืองในภาพรวม


สัญญาณไม่พอใจจากประชาชน: ค่าครองชีพ เงินเฟ้อ และความไม่โปร่งใส
การพ่ายแพ้ของพรรครัฐบาลสะท้อนถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยเฉพาะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นและกรณีอื้อฉาวด้านการระดมทุนของพรรค LDP ทั้งยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในฐานเสียง โดยกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยหนุ่มสาวหันไปสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านขนาดเล็กและพรรคประชานิยมขวาจัด เช่น พรรค Democratic Party For the People (DPP) และพรรค Sanseito ที่มีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์สถานะปัจจุบันของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา


วิกฤตเงินเฟ้อ: หนึ่งในปัจจัยที่เปลี่ยนเกมการเมือง
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุดของการเลือกตั้งคือภาวะเงินเฟ้อที่เรื้อรัง โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ในเดือนมิถุนายน 2025 อยู่ที่ 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ Core-core CPI ที่ตัดทั้งอาหารสดและพลังงานออกไปยังคงสูงถึง 3.4% ซึ่งเกินกว่าการคาดการณ์เดิมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมอาหารสดที่พุ่งขึ้นกว่า 5.1% ถือเป็นแรงกดดันโดยตรงต่อครัวเรือนญี่ปุ่น นอกจากนี้ การสำรวจของ BOJ ยังพบว่าความคาดหวังเงินเฟ้อของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างจากมุมมองของรัฐบาลที่ยังยืนกรานว่าเงินเฟ้อเป็นปัจจัยชั่วคราวจากต้นทุนการผลิต ความแตกต่างนี้ส่งผลให้ประชาชนเรียกร้องนโยบายระยะยาว เช่น การลดภาษีถาวร แทนเงินช่วยเหลือชั่วคราวที่รัฐบาลเสนอมาโดยตลอด


ทางตันด้านนโยบาย: ความไม่แน่นอนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ภายใต้บริบทที่รัฐบาลไม่มีเสียงข้างมากในทั้งสองสภา การผ่านร่างกฎหมายสำคัญจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายค้าน ซึ่งหมายถึงการต่อรอง การปรับลดความทะเยอทะยานของนโยบาย หรือแม้กระทั่งการละทิ้งแนวทางดั้งเดิมที่เคยวางไว้ พรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรคยังผลักดันนโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย เช่น การลดภาษีบริโภคหรือเพิ่มรายจ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศที่มีภาระหนี้สาธารณะสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองที่ต่อต้านแรงงานต่างชาติได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้มงวดในนโยบายการเข้าเมือง และยิ่งทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการรุนแรงขึ้น


การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ: ความไม่มั่นคงทางการเมืองเป็นอุปสรรค
รัฐบาลอิชิบะอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีนำเข้า 25% ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป แต่ฐานะทางการเมืองที่ไม่มั่นคงอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการเจรจา ทั้งยังอาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือความขัดแย้งภายในเกี่ยวกับการยอมประนีประนอมในประเด็นที่อ่อนไหว เช่น ภาคเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรมยานยนต์ หากมีการเปลี่ยนผู้นำหรือเกิดความปั่นป่วนทางการเมืองเพิ่มขึ้น การเจรจาอาจหยุดชะงัก และสร้างผลกระทบต่อภาคส่งออกของญี่ปุ่นโดยตรง


ตลาดเงิน ตลาดทุน และธนาคารกลาง: การรับมือกับความผันผวน
ตลาดการเงินญี่ปุ่นตอบสนองต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างรวดเร็ว โดยนักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ญี่ปุ่น ความผันผวนของค่าเงินเยนจึงสูงขึ้น โดยเยนอาจแข็งค่าระยะสั้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่หากสถานการณ์การเมืองยังไม่คลี่คลายหรือไม่มีความคืบหน้านโยบายเศรษฐกิจ เงินเยนก็อาจกลับมาอ่อนค่าได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เตรียมปรับคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นในการประชุมปลายเดือนกรกฎาคม แต่การขึ้นดอกเบี้ยอาจล่าช้า เนื่องจากไม่ต้องการซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจในภาวะที่การเมืองยังไร้ทิศทาง


เงินเยนอ่อนค่า: ปัจจัยที่ซ้อนทับเศรษฐกิจและสังคม
เงินเยนอ่อนค่ากลายเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงปัญหาเศรษฐกิจและความไม่พอใจของประชาชน โดยทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าสูงขึ้น ราคาสินค้าในประเทศปรับตัวเพิ่ม ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้ามาใช้จ่าย ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ากำลังซื้อของตนเองลดลงและถูกแย่งชิงโอกาสทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ค่าเงินเยนที่อ่อนยังทำให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางออกนอกประเทศได้ยากขึ้นจากภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น


อนาคตของนายกรัฐมนตรีอิชิบะ: แรงกดดันภายในและภายนอก
แม้ผลการเลือกตั้งจะไม่ทำให้รัฐบาลต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันที แต่สถานะของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะกำลังสั่นคลอนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแรงกดดันจากภายในพรรค LDP ที่เริ่มตั้งคำถามถึงความสามารถในการนำพาพรรคสู่ชัยชนะอีกครั้งในอนาคต ความล้มเหลวในการควบคุมปัญหาเศรษฐกิจและการสูญเสียฐานเสียงสำคัญอาจนำไปสู่การลาออกโดยสมัครใจ หรือเกิดการท้าทายภายในพรรคในการเลือกหัวหน้าคนใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางนโยบายทั้งหมดในช่วงปลายปีนี้


มุมมองการลงทุน: รอจังหวะที่เหมาะสม

ในภาวะที่การเมืองญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนผ่าน นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์แบบ “Wait and See” เพื่อรอดูความชัดเจนหลายประการ ทั้งการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีเส้นตายอยู่ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ การประชุมของ BOJ ที่จะเปิดเผยท่าทีเรื่องเงินเฟ้อ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพรรครัฐบาล หากตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงเกินจริง อาจเป็นจุดที่น่าสนใจในการสะสมหุ้นคุณภาพดีระยะยาว แต่ในระยะสั้นแนะชะลอการลงทุน และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5