VN-Index ดิ่งแรง 4.11% หลังทำ All-Time High: การผันผวนรุนแรงสะท้อนธรรมชาติของตลาดชายขอบ (Frontier Market)

VN-Index ดิ่งแรง 4.11% หลังทำ All-Time High: การผันผวนรุนแรงสะท้อนธรรมชาติของตลาดชายขอบ (Frontier Market)
By INVX Investment Products & Strategy
29/7/68

[แรงเทขายหลังจุดสูงสุด: จากความมั่นใจสู่ความกลัวในพริบตา]
ตลาดหุ้นเวียดนามวันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อ VN-Index ดิ่งลงถึง 64.01 จุด หรือ -4.11% ปิดที่ระดับ 1,493.41 จุด นับเป็นการปรับฐานในวงกว้างครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี ทั้งที่เพิ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ไปเมื่อวานนี้ สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของตลาดที่ความคาดหวังและความกลัวสามารถพลิกเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดที่ยังมีสภาพคล่องจำกัดและพึ่งพาแรงเก็งกำไรสูงอย่างเวียดนาม

สาเหตุหลักของการร่วงแรงมาจากแรงเทขายทำกำไรที่เกิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน หลังจากดัชนีพุ่งทะยานต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะ “ล็อกกำไร” หลังหุ้นหลายตัวปรับขึ้นเกินพื้นฐานในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม VN30 ที่มักเป็นเป้าหมายหลักของกระแสเก็งกำไร และเป็นตัวเร่งให้ตลาดแกว่งแรงทั้งขาขึ้นและขาลง

[คำเตือนจากโบรกฯ จุดชนวนเทขายแบบตื่นตระหนก]
อีกหนึ่งปัจจัยเร่งแรงขายคือคำเตือนจากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งในเวียดนามที่ระบุว่า ดัชนีกำลังเข้าสู่เขต “Overbought” โดยมีความเสี่ยงต่อการปรับฐานสูง ทำให้นักลงทุนจำนวนมากรีบลดความเสี่ยง ส่งผลให้เกิดแรงขายแบบ “panic sell” โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ที่มักถูกใช้เป็นตัวแทนในการวัดความเชื่อมั่นของตลาด ไม่ว่าจะเป็น Masan Group (MSN), Saigon Securities (SSI), HDBank (HDB), TPBank (TPB), Vingroup (VIC) หรือ Gelex (GEX) ที่ต่างปรับตัวลงแรง บางตัวแตะราคาฟลอร์ภายในวันเดียว

กลุ่มหลักที่ได้รับผลกระทบหนักคือหุ้นกลุ่มการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และโบรกเกอร์ ซึ่งมีสัดส่วนสูงใน VN30 และเป็นเป้าหมายของแรงขายจากทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นที่เคยวิ่งนำตลาดในช่วงก่อนหน้า ทำให้ความกดดันต่อดัชนีโดยรวมยังไม่หมดไปง่าย ๆ

[ธรรมชาติของตลาด Frontier: ผันผวนแรง แต่โอกาสก็สูงเช่นกัน]
แม้การปรับฐานในวันนี้จะดูรุนแรงและอาจยังไม่จบลงในระยะสั้น แต่ในมุมมองระยะยาว เวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุดในเอเชีย ด้วย GDP ที่ยังเติบโตในระดับ 6–7% ต่อปี โครงสร้างประชากรที่หนุนการบริโภคในประเทศ และการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เวียดนามยังอยู่ระหว่างการยกระดับระบบการเงินและตลาดทุน เพื่อเตรียมเข้าสู่การเป็น “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Market) ในช่วง Q4 ปีนี้ ซึ่งจะเปิดประตูให้เม็ดเงินลงทุนจากกองทุนระดับโลกไหลเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้นในอนาคต ความคาดหวังนี้ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเชิงบวกระยะกลางถึงยาว แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงสั้น ตลาดอาจยังเผชิญแรงขายต่อเนื่องได้อีกหากไม่มีแรงซื้อใหม่เข้ามาพยุงโดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติ