Keyword
Special Report - Global Strategy

มุมมองค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและผลกระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆ

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|29 Jul 25 8:00 AM
Special Report (Global Strategy)
สรุปสาระสำคัญ

มุมมองค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและผลกระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆ

By INVX Investment Strategy

29/7/68

 

[ทิศทางค่าเงินดอลลาร์: แข็งค่าระยะสั้น ท่ามกลางความสมดุลใหม่ทางเศรษฐกิจ]

 

ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก (+1.5% ใน 5 วัน แต่ยังไม่ผ่าน 100) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งช่วยคลายความตึงเครียดด้านการค้าในระยะสั้น และลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ

 

แม้ดอลลาร์แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส เยนญี่ปุ่น ยูโร และปอนด์ โดยเฉพาะยูโรที่อ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2025 ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่ารวมเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ซึ่งสะท้อนความกังวลของตลาดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายการเงินที่อาจกลับเข้าสู่แนวทางผ่อนคลายในระยะข้างหน้า

 

[ดอลลาร์แข็ง… ใครได้ใครเสีย]

 

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ดอลลาร์แข็งค่าจะเป็นปัจจัยลบต่อบริษัทที่พึ่งพาการส่งออก แต่ภาพรวมในปัจจุบันกลับได้แรงหนุนจากการลดความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า ความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัว และการประกาศงบไตรมาสของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งหากออกมาเหนือความคาดหมาย ก็มีแนวโน้มดึงดูดเม็ดเงินทุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง

 

ขณะที่ประเทศเกิดใหม่และตลาดกำลังพัฒนาอาจได้รับผลกระทบในทิศทางตรงกันข้าม ทั้งจากภาระหนี้สกุลดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนกู้ยืมสูงขึ้น ความเสี่ยงด้านการชำระหนี้ และเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสู่ตลาดที่มีความมั่นคงสูงกว่า ซึ่งอาจกดดันทั้งตลาดหุ้น ค่าเงิน และภาคส่งออกของประเทศเหล่านั้น นักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าต่อเนื่องหรือไม่ หรือแค่ชั่วคราว

 

[ทองคำ พันธบัตร และ Safe Haven: แรงกดดันยังไม่หมด]

 

ราคาทองคำยังคงผันผวนตามทิศทางของดอลลาร์ โดยทั่วไปแล้ว ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้ราคาทองคำลดลง อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ของ Fed ที่จะลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปี ยังคงหนุนราคาทองคำในภาพรวม

 

ในด้านของพันธบัตรรัฐบาล ส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรสหรัฐฯ และยุโรป ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางค่าเงิน แต่ในช่วงนี้ ตลาดกลับให้ค่ากับยูโรเกินกว่าที่ส่วนต่างผลตอบแทนควรจะสะท้อน ซึ่งอาจมาจากแรงเก็งกำไร หรือความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจยุโรปที่เพิ่มขึ้น

 

ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น เช่น เยนญี่ปุ่นและฟรังก์สวิส อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อความตึงเครียดระดับโลกผ่อนคลาย นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เหล่านี้เมื่อความต้องการความปลอดภัยลดลง

 

[จับตาการประชุม Fed และ BOJ สัปดาห์นี้]

 

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะประชุมในวันที่ 30–31 กรกฎาคมนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แม้จะมีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการให้ลดดอกเบี้ยลงก็ตาม ท่าทีของ Fed ในการแถลงหลังการประชุมจะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด หาก Fed ยืนยันนโยบาย “ดอกเบี้ยสูงนาน” หรือส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ดอลลาร์จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อทันที แต่หาก Fed เริ่มเอ่ยถึงความจำเป็นของการผ่อนคลายนโยบายในปลายปี ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว และหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น

 

ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะประชุมในวันที่ 31 กรกฎาคม–1 สิงหาคม คาดว่าจะยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ BOJ ยังไม่มีแรงจูงใจในการปรับขึ้นดอกเบี้ย การคงนโยบายของ BOJ จะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นยังคงสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าต่อเมื่อเทียบกับเยน

[บทสรุป: ดุลสมดุลใหม่ของค่าเงินและสินทรัพย์โลก]

 

โดยรวมแล้ว การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ในช่วงนี้สะท้อนความสมดุลของหลายปัจจัย ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ความคืบหน้าด้านการค้า ความคาดหวังต่อนโยบายการเงิน และการประเมินความเสี่ยงของนักลงทุนในภาพใหญ่ แม้ดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าระยะสั้นจากความคืบหน้าทางการค้าและ Fed ที่คงดอกเบี้ยสูงในระดับสูง แต่ปัจจัยพื้นฐานด้านการคลัง การเมืองภายในประเทศ และแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังควบคุมได้ จะยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางของค่าเงินและสินทรัพย์ทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเราคาดว่าตลาดจะเคลื่อนไปตามท่าทีของ Fed และทิศทางเศรษฐกิจโลก หาก Fed เปลี่ยนจุดยืนเป็นผ่อนคลายมากขึ้น นั่นอาจพลิกทิศให้ดอลลาร์อ่อนลง หนุนราคาสินทรัพย์ทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่และทองคำ

 

InnovestX มีมุมมองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนลงเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ  (อ้างอิงจาก InnovestX FX Monthly July 2025) หากนักลงทุนอาจพิจารณาใช้ช่วงเวลาที่ค่าเงินบาทแข็งในปัจจุบันในการแลกเงินเพื่อเข้าลงทุนในสินทรัพย์ USD เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ดีกว่าการแลกเงินในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5