
By INVX Investment Products & Strategy
วันที่ 26 ธันวาคม 2025
สรุปสถานการณ์
ดัชนี VN Index ปรับตัวลดลง -2.7% (ในช่วง 13.40 น. ตามเวลาไทย) เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ -2.24% นำโดย VIC, VRE และ VHM ที่ปรับตัวลดลงราว -7% ตอบรับข่าว Vingroup JSC ได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลเพื่อขอถอนการลงทะเบียนลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือ–ใต้ ในวันที่ 25 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในเมกะโปรเจ็กต์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ Vingroup ได้มีส่วนร่วมการลงทุน
นอกจากโครงการนี้ ยังมีโครงการสำคัญอื่นๆ ที่ Vingroup เข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินทุนและระยะเวลาในลงทุนสูง อาทิ โครงการเขตเมืองกีฬาโอลิมปิกในฮานอย พื้นที่กว่า 9,000 เฮกตาร์ ซึ่งถูกจัดให้เป็นโครงการพิเศษระดับชาติที่มีเป้าหมายแสดงตัวตนของชาติและภาพลักษณ์เวียดนามสู่เวทีโลก นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูง Bến Thành–Cần Giờ และสายฮานอย–กว๋างนิญ ตลอดจนโครงการอุตสาหกรรมและพลังงานขนาดใหญ่ เช่น โรงงานเหล็ก VinMetal โรงไฟฟ้าพลังลม 2 แห่งที่ Kỳ Anh โรงไฟฟ้า LNG เมืองท่าหายฟอง และโครงการเมืองชายฝั่ง Cần Giờ megacity การถอนตัวในครั้งนี้ของ Vingroup จึงถือเป็นการลดโครงการที่เข้าไปลงทุน เพื่อมุ่งสนใจกับโครงการที่เหลือให้สามารถก่อสร้างได้สำเร็จตามเวลาและมีคุณภาพตามมาตรฐานที่ตั้งไว้
ด้านโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือ–ใต้เองยังมีผู้เล่นรายใหญ่อื่น ๆ ให้ความสนใจและยื่นข้อเสนออยู่แล้ว เช่น THACO Trường Hải Vietnam Railway Transport JSC และ Vietnam Investment and Development Group ทำให้ Vingroup ย้ำว่าการถอนตัวของตนจะไม่กระทบต่อการเดินหน้าโครงการในภาพรวม การเคลื่อนไหวนี้ถูกอธิบายว่าเป็น “แนวทางเชิงรุกและมีความรับผิดชอบ” เพื่อให้โครงการที่รัฐมอบหมายสามารถดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการพัฒนาระบบคมนาคมยุคใหม่ พลังงานหมุนเวียน และระบบเมืองอย่างยั่งยืน
มุมมองด้านการลงทุน
เราประเมินว่า การถอนตัวของ Vingroup จากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือ–ใต้จะช่วยให้บริษัทสามารถระดมทรัพยากรไปในโครงการอื่นๆ ที่บริษัทให้ความสำคัญมากขึ้น อย่างไรก็ตามการถอนตัวออกจากโครงการรถไฟฟ้าดังกล่าวอาจสะท้อนถึงการเติบโตของกลุ่มที่ลดลงในอนาคต หากพิจารณาจากหุ้น VIC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 600% YTD สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปมาก เหตุการณ์นี้จึงมีแนวโน้มกดดันหุ้นในกลุ่มให้ปรับตัวลดลงต่อได้
ด้านโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายเหนือ–ใต้ยังมีผู้เล่นรายใหญ่รายอื่นๆที่เข้าร่วมประมูล ส่งผลให้ความกังวลด้านความล่าช้าของโครงการอย่างจำกัด ซึ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% ในปี 2026 ซึ่งจะยังคงสนับสนุนหุ้นเวียดนามโดยรวม
ทั้งนี้พิจารณาจากระดับ Valuation ในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตถือว่ามีความน่าสนใจ โดยดัชนี VN Index มี Forward PE อยู่ที่ระดับราว 12.2 เท่า โดยเทียบเท่ากับ +1 S.D. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตสูง หนุนให้ EPS Growth ของเวียดนามยังอยู่ในระดับที่สูงราว 20% ทำให้เรายังคงหาจังหวะเข้าลงทุนผ่านพอร์ต Satellite
ความเสี่ยงด้านค่าเงินสำหรับนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดลง จาก VND ที่เริ่มมีเสถียรภาพ และมีปัจจัยหนุนจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับการเกินดุลของเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้การพิจารณาอัปเกรดสู่ตลาด EM ของ FTSE ซึ่งจะมีการประกาศผลในเดือน เม.ย. 26 คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาสนใจตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้นหลังจากนี้ หากเวียดนามมีการผ่านการพิจารณา มีโอกาสให้ Forward PE ของตลาด re-rate เพิ่มขึ้นสู่ระดับใกล้เคียงกับ FTSE EM บริเวณ 14 เท่า
ทั้งนี้เรายังประเมินว่า ดัชนี VN Index ยังมีความผันผวนสูงจากดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบกระจุกตัวในหุ้นกลุ่ม Vingroup ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาด อย่างไรก็ตามในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นราว +7 % จากบริเวณ 1,580 จุด มาสู่ระดับ 1,690 จุด และเริ่มมีสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบกระจายตัวมากขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงตลาดที่มีเสถียรภาพมากขึ้น สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวสามารถใช้จังหวะนี้ในการทยอยซื้อสะสมหุ้นเวียดนามได้ แต่นักลงทุนระยะสั้นอาจรอความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวว่าจะมีความล่าช้าหรือไม่ หากไม่มีความล่าช้าเกิดขึ้น อาจใช้จังหวะนี้ในการเข้าสะสมได้ผ่านกองทุน ASP-VIET-A หรือ PRINCIPAL VNEQ-A