บทสรุป
สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรและโลหะ : เดือน มี.ค. 66 ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวคละเคล้า อาทิ ข้าวสาลี, ถั่วเหลือง, ฝ้าย, ปาล์ม และยางพารา มีราคาปรับลง MoM จากกังวลอุปสงค์โลกที่เป็นไปอย่างซบเซา โดยเฉพาะจากจีนซี่งเป็นผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ขณะที่ราคาข้าวโพดและน ้าตาลปรับขึ้น MoM จากกังวล อุปทานตึงตัวหลังมีปัญหาสภาพอากาศ ส่วนราคาโลหะ (อลูมิเนียม ทองแดง) ปรับขึ้น MoM จากดอลลาร์อ่อนค่าและคาดหวังอุปสงค์จีนฟื้นหลังเปิดประเทศ ส าหรับราคาเนื้อสัตว์บก (สุกร ไก่) ในไทยฟื้นตัวเล็กน้อย MoM จากอุปทานตึงตัวขึ้นตามฤดูกาลและรัฐเร่งปราบการลักลอบน าเข้าสุกรผิดกฎหมาย ขณะที่เดือน เม.ย. 66 คาดราคาสินค้าเกษตร ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ และราคาโลหะส่วนใหญ่จะปรับขึ้นหรือทรงตัว MoM จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรต้องจับ ตาสภาพอากาศทั่วโลกที่อาจผันผวนจากปรากฎการณ์เอลนีโญ (อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงขึ้นและอาจเกิดภัยแล้งเป็นวงกว้าง) ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต
สถานการณ์ราคาพลังงาน : ราคาน ้ามันดิบในเดือน มี.ค. อ่อนตัว MoM กดดันจากความกังวลสภาพคล่องของธนาคารในสหรัฐและยุโรป น าไปสู่ความกังวลต่อ ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED และธนาคารกลางหลักอื่น เนื่องจากอุปสงค์น ้ามันโลกแปรผันไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ ราคา น ้ามันดิบ Brent เฉลี่ยลดลง 5.2% MoM ในเดือน มี.ค. ลดลงต ่ากว่าช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ที่ประเมินไว้ส าหรับ 1H66 อย่างไรก็ตามการเข้ามาช่วยเหลือ ของทางการอย่างรวดเร็ว ท าให้ราคาฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในช่วงปลายเดือน และหากพัฒนาการเชิงบวกยังคงต่อเนื่อง เมื่อรวมกับช่วงต้นเดือน เม.ย. OPEC+ ปรับ ลดการผลิตลง 1.6 MBD (ตลาดมองจะคงการผลิต) คาดช่วยหนุนราคาน ้ามันดิบกลับสู่กรอบที่เคยประเมินไว้ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นตามอุปสงค์ที่เร่งขึ้นในช่วง 2H66
ค่าการกลั่นเดือน มี.ค. ฟื้นตัว หนุนจากส่วนต่างราคาเตาและเบนซิน อย่างไรก็ตามราคาก๊าซฯ และถ่านหินยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง จากปริมาณก๊าซฯ ส ารองอยู่ใน ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ราคาก๊าซฯ ในสหรัฐ (HH) เริ่มทรงตัวได้ หลังอุปสงค์ส่งออก LNG เพิ่มขึ้น ภายหลังท่าส่งออก LNG ในเมือง Freeport กลับมา เดินเครื่องในเดือน มี.ค. ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ปัญหาสภาพคล่องในภาคการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
กลยุทธ์ลงทุน (Tactical Call) ส าหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น แนะนำดังนี้
1 ) หุ้นเด่นจากสถานการณ์สินค้าเกษตรและโลหะ: แม้เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อผลประกอบการ 1Q66 ของ CPF, GFPT ซึ่งคาดจะลดลง YoY และ QoQ เพราะ มาร์จิ้นแคบลง เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ลดลงและต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น แต่ราคาหุ้น CPF และ GFPT ปรับลง 14.5%YTD และ 11.7%YTD ตามล าดับ ซึ่งคาด สะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้จึงมองเป็นโอกาสซื้อเก็งกำไรสำหรับ CPF ซึ่งช่วงสั้นมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก ราคาสุกรในจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
2) หุ้นเด่นจากสถานการณ์พลังงาน : เลือก BCP หลังราคาอ่อนตัวลงมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนประกาศซื้อกิจการ ESSO สะท้อนความกังวลผลประกอบการ1Q66 ที่ อาจฟื้นตัวน้อยกว่าคาด หลังราคาน ้ามันลดลงในเดือน มี.ค. ท าให้มีความเสี่ยงต้องบันทึกขาดทุนสต๊อก อย่างไรก็ตาม เราประเมินผลขาดทุนสต๊อกส าหรับ 1Q66 จะลดลง QoQ หลังราคาน ้ามันฟื้นในช่วงปลายเดือน ขณะที่ค่าการกลั่นอ้างอิง 1Q66 ฟื้นตัว 13.5% QoQ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเสี่ยงด้านนโยบาย การซื้อกิจการ ESSO ที่ยังต้องรออนุมัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง