สรุปสาระสำคัญ
Healthcare: ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ สปส. ปรับเพดานค่าจ้าง เริ่มปี 2569
(ที่มา: Facebook สำนักงานประกันสังคม)
ประเด็นสำคัญ
- ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ....โดยการปรับเพดานค่าจ้างสูงสุด จะส่งผลให้เงินสมทบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะดำเนินการเป็น 3 ระยะ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลดผลกระทบต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง
- ในปัจจุบัน เพดานค่าจ้างสูงสุด คือ 15,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 750 บาทต่อเดือน ซึ่งจะปรับเป็น
- ระยะที่ 1 (ปี พ.ศ.2569–2571) เพดานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท เงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน
- ระยะที่ 2 (ปี พ.ศ.2572–2574) เพดานค่าจ้างสูงสุด 20,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน
- ระยะที่ 3 (ปี พ.ศ.2575 เป็นต้นไป) เพดานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน
- การปรับเพดานค่าจ้างและเงินสมทบสูงสุด จะก่อให้เกิดความมั่นคงของรายได้กองทุนประกันสังคมและจะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน
- ขั้นตอนต่อไปคือ สำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีการบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2569
มุมมองของเรา
เรามองประเด็นนี้เป็นบวกในระยะกลางถึงยาวต่อโรงพยาบาลที่เน้นรับประกันสังคม เช่น BCH (TP 14 บาท) CHG (TP 2 บาท) RJH (TP 14 บาท) โดยการปรับเพดานค่าจ้างและเพิ่มเงินสมทบสูงสุดจะทำให้รายได้กองทุนประกันสังคมมีความสอดคล้องต่อแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาลและบริการสุขภาพในแต่ละปี (Medical inflation) ซึ่งจะลดความเสี่ยงความไม่เพียงพอของงบประมาณที่จะจัดสรรให้โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการประกันสังคมในระยะกลางถึงยาวได้