- ตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัวหลังหลัง FED มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม FOMC วานนี้ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาดและทำให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ด้าน Jerome Powell เผยมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยได้แต่จะพิจารณาร่วมกับตัวเลขเศรษฐกิจในตอนนั้น
-
- กระแสเงินในวันที่ 25 ก.ค. 2023 1) เริ่มมีแรงซื้อกลับในตราสารหนี้แต่เป็นการซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและเป็นการซื้อในตราสารหนี้ระยะยาวมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น นอกจากนั้นมีแรงเก็งกำไรในตราสาร High Yield 2) มีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยีจากความกังวลต่อผลประกอบการที่ให้แนวโน้มที่ฟื้นตัวช้า ในขณะที่หุ้นธีม Growth และหุ้นขนาดเล็กมีแรงซื้อกลับแต่ยังมีลักษณะการเก็งกำไร 3) มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและ Materials ตามภาพของจีน ในขณะที่กลุ่ม Consumer Staples มีแรงซื้อตามความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นและผลประกอบการที่มีเสถียรภาพ 4) มีแรงซื้อในตลาดจีนทั้งนี้มองเป็นเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่มีอย่างต่อเนื่องแต่ปริมาณเงินไม่สูงมากนัก ส่วนตลาดญี่ปุ่นมีกระแสเงินผันผวนตามค่าเงิน
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปลดลง 3.9% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 9.2% ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวลดลง 1bps ส่วนตราสาร HY ปรับเพิ่มขึ้น 2bps นอกนั้นตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนยังค่อนข้างผันผวน โดยล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 0.5% จากท่าทีของรัฐบาลที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความคาดหวังต่อการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม กลุ่มคาสิโนและร้านอาหารปรับเพิ่มขึ้น 1.8%-4.1% ส่วนกลุ่มเดินทางทางอากาศมีแรงขายทำกำไรลดลง 1.2%
-
- ภาพรวมงบทั้งสองบริษัท Social Media ออกมาดีกว่าคาดทั้ง META และ SNAP อย่างไรก็ดี META มีภาพรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น สวนทาง SNAP ที่หดตัวลง นอกนั้นสิ่งที่เรามองว่าภาพคล้ายกันทั้งสองบริษัทคือค่าใช้จ่ายที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นซึ่งอาจจะกดดันงบใน 3Q23 ได้ อย่างไรก็ดีภาพแนวโน้มธุรกิจของ META ดูสดใสกว่าหลังยังคงได้รับแรงหนุนจากค่าโฆษณาใน Reels ที่ยังเติบโตทั่วโลก อย่างไรก็ดีดูเหมือน SNAP จะยังไม่ฟื้นตัวหลังผู้ใช้งานค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในสหรัฐฯที่มีการชะลอการใช้จ่ายลง
-
- Coca-Cola เผยงบ 2Q23 ดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 6%YoY ด้าน EPS เพิ่มขึ้นดีเช่นกันที่ 11%YoY หลังยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงที่ถึงแม้จะมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ปริมาณในอเมริกาเหนือลดลง 1% สะท้อนได้ว่าการปรับขึ้นราคาขายส่งผลกระทบต่ออุปสงค์เพียงเล็กน้อย ประกอบกับยังช่วยหนุนให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นดีเช่นกัน ขณะที่บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตงบขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลัง 23 เราค่อนข้างกังวลต่อการปรับขึ้นราคาขายที่อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้วหลังผู้บริโภคในสหรัฐฯค่อนข้างมีการใช้จ่ายที่ลดลง รวมไปถึงราคาขายที่ค่อนข้างปรับตัวขึ้นมามากในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีเราคาดยอดขายจะยังคงมีแรงหนุนจาก Pricing Power ของผู้บริโภค
-
- ผลประกอบการของ Ebay, Hilton ประกาศผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์ แต่ให้แนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนั้นสะท้อนกำลังซื้อของตลาดสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งสอดคล้องกับ Chipotle, Unilever, Danone, British American Tobacco และ Puma ที่กังวลกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดสหรัฐ ส่วนหนึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องผลกระทบของฐานใน 2H22 ที่สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกมีผลกระทบน้อยลงจากการเปิดประเทศ ทำให้เราเห็นการกลับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่งของดอกเบี้ยกำลังส่งผลกระทบกับกำลังซื้อในตลาดสหรัฐให้มีอัตราการเติบโตที่น้อยลง ซึ่งเรามองว่าในช่วง 2H23 จะยังเห็นภาพกำลังซื้อในสหรัฐเป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับการเติบโตในตลาดสหรัฐ รวมถึงบริษัทในยุโรปด้วย ดังนั้นเราจึงแนะนำให้มองไปที่สินค้าจำเป็นอย่าง Coca Cola, Pepsico, Walmart, McDonald ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าสินค้า Discretionary ซึ่งต้องจับตาการเพิ่มขึ้นของต้นทุนและการชะลอตัวของรายได้เป็นหลัก
|
