INVX Global Morning Routine - 11 ต.ค. 2566

บทสรุป

• ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และของธนาคารกลางยุโรป (ECB) แสดงความเห็นสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์จากความวิตกเกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
•  
• กระแสเงินในวันที่ 9 ต.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ค่อนข้างผันผวน โดยล่าสุดมีแรงขายในตราสารหนี้ ทั้งนี้มองว่าเป็นผลสืบเนื่องจาก Yield ที่มีการชะลอตัวลงมาหลังเจ้าหน้าที่ Fed มีท่าทีสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  3) ในขณะเดียวกันมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลกสะท้อนท่าที Risk On ของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นหลังธนาคารกลางมีท่าทีสนับสนุนการยุติการขึ้นดอกเบี้ย 3) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากประเด็นค่าเงินเยนที่อ่อนค่า 4) แรงซื้อใน Utilities ที่บ่งชี้ว่าราคาปรับตัวลดลงแรงก่อนหน้านี้ 5) มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส 5) ตลาดหุ้น EM และจีนมีกระแสเงินไหลออกหลังมองเป็นการเก็งกำไรจากประเด็นตัวเลขการท่องเที่ยวช่วง Golden Week เริ่มฟื้นตัว 5) มีแรงขายในกลุ่มการเงินสะท้อนภาพความกังวลต่อเศรษฐกิจ 6) มีแรงซื้อกลับในกลุ่มเทคโนโลยีมองว่าเป็นประเด็นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มชะลอตัวลง
•  
• Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปเพิ่มขึ้น 4.7% ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 12.9% ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวลง 0.9bps ส่วนตราสาร HY ปรับลง 7.8bps ขณะที่ตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนเริ่มฟื้นตัว นำโดยกลุ่มร้านอาหาร และ Casino หลังมีแรงหนุนจากความคาดหวังนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของจีน
• PepsiCo เผยงบ 3Q23 โดยรายได้เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดเล็กน้อย 6.7%YoY อย่างไรก็ดี Organic Sales Growth และ EPS ดีกว่าคาดและเติบโต นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มคาดการณ์ใน FY23 หลังมีแผนจะขึ้นราคาเล็กน้อยในปีหน้าเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามองความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นแม้จะมีการปรับราคาขึ้นก็ตาม เรามองว่าภาพยอดขายที่ออกมาต่ำกว่าคาดสะท้อนได้ชัดเจนว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคยังคงชะลอตัวลงอย่างไรก็ดีด้วยแรงหนุนจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาช่วยให้มาร์จิ้นยังคงขยายตัวได้ดี เรายังคงชอบ PEP และแนะสะสมในช่วงที่ราคาย่อตัว
•  
• ภาพรวมรายได้ของ LVMH 3Q23 ออกมาสะท้อนได้ว่าธุรกิจมีแรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอที่ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัวอย่างชัดเจนโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ขณะที่ภาพการฟื้นตัวในจีนยังไม่สม่ำเสมอ ประกอบกับแรงกดดันในฝั่งยุโรปยังคงมีอยู่มาก นอกจากนี้ค่าเงินดอลฯที่แข็งค่าส่งผลกระทบเชิงลบต่องบ FY23 ราว 4% ซึ่งบริษัทคาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรในช่วง 2H23 ต่อเนื่อง ในระยะสั้นแนะหลีกเลี่ยงแม้มูลค่าหุ้นจะน่าสนใจ หลังเรามองว่า Downside Risk จากเศรษฐกิจชะลอตัว ปัจจัยมหภาคที่กดดันแรงซื้อ และความเสี่ยงสงครามยังคงดำเนินอยู่
•  
• ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจีน รวมถึงภาพรวมการบริโภคและการท่องเที่ยวจะยังคงฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดีในระยะถัดไปเรามองว่ายังคงมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจนจำกัดภาพการฟื้นตัว โดยเฉพาะ 1) Geopolitical Risk ที่เพิ่มขึ้นจากการควบคุมของทางการยุโรป 2) ภาคอสังหาฯ จีนที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแท้จริงซึ่งล่าสุดยังคงเห็นการผิดนัดชำระหนี้ในกลุ่มอสังฯส่งผลให้ความเชื่อมั่นยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เรามอง ทางการยังจำเป็นต้องออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจ โดยการออกมาตรการนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงจะมีส่วนช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับมาในการลงทุนตลาดหุ้นจีนได้อีกครั้ง
• Bloomberg เผยสัญญา Option ที่คาดการณ์ว่าราคาหุ้น Meituan จะปรับตัวลง 10% ในอีกสามเดือนข้างหน้ากำลังเทรดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ซึ่งเรามองว่าสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าหุ้นจะปรับตัวลงต่ออีกราว 10% นั้นเป็นผลกระทบจากแรงกดดันในกลุ่มธุรกิจที่เพิ่มขึ้น 1) ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการ Subsidy 2) ด้วยภาพ Subsidy กดดันแนวโน้มการขยายตัวของมาร์จิ้น 3) อุปสงค์ที่อ่อนแอ รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทำให้ยอดขายมีแรงกดดันและชะลอตัวลงมากถ้าไม่มีการ Subsidy