บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าที่คาดและความเสี่ยง Government Shutdown ลดลง กระแสเงินในวันที่ 13 พ.ย. 2023 1) กระแสเงินในตราสารมีความผันผวน โดยล่าสุดมีแรงซื้อหลังจากตลาดเริ่มมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. และอาจจะลดดอกเบี้ยในปี 2024 และเก็งกำไรบนตัวเลข CPI 2) มีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กในช่วงที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว 3) เริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มเทคโนโลยีหลังราคาฟื้นตัวโดดเด่นต่อเนื่องและอาจจะเป็นเพราะ Short covering อีกส่วนหนึ่ง 4) ตลาดจีนมีแรงเก็งกำไรจากภาพเศรษฐกิจที่เริ่มสมดุลมากขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ปริมาณเงินเข้าค่อนข้างน้อย ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นมีแรงขายทั้งนี้จากค่าเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่าจากที่ทีของ BOJ 5) ตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียมีแรงขายทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มการเติบโตยังอ่อนแอ 6) เริ่มเห็นแรงขายในกลุ่มเชิงรับอย่าง Healthcare, Consumer Staples และ Utilities มากขึ้นมองว่าเป็นเรื่องกำลังซื้อที่ลดลงและฐานสูง รวมถึงตลาดยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาด โดย Headline CPI ทรงตัว MoM แต่เพิ่มขึ้น 3.2% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.7% Supercore CPI ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นการชะลอตัวมากที่สุดตั้งแต่เดือน ก.ค. โดยเทียบในแง่ YoY นั้นต่ำสุดตั้งแต่ ธ.ค. 2021 ด้วยภาพเช่นนี้ทำให้ตลาดลดโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยเหลือต่ำกว่า 5% และเพิ่มโอกาสมากกว่า 50% ที่ธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. นอกจากนั้นตลาดบอนด์ก็ตอบสนองเชิงบวกกับประเด็นนี้ด้วย การลงทุนในรูปแบบนี้เน้นไปที่ตราสารหนี้และทองคำซึ่งมองว่าจะได้ประโยชน์จาก Yield ที่ลดลงมากกว่า หากลงทุนในหุ้นเรามองว่ากลุ่มเทคโนโลยี กลุ่ม Consumer Staples จะให้ผลตอบแทนดี ผลประกอบการของ Home Depot ออกมาต่ำกว่าที่คาด อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมปรับตัวลดลง 3.1% และในสหรัฐลดลง 3.5% ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดแต่เป็นการลดลงทำให้ตลาดค่อนข้างกังวล สำหรับปริมาณธุรกรรมซื้อลดลง 2.4% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.3% และราคาขายต่อห่วยลดลง 0.3% บ่งชี้ว่ากำลังซื้อในกลุ่มสินค้าที่มีราคาสูงสดลง แม้ว่า Home Depot จะเป็นบริษัทที่ดีแต่เรามองว่ากำไรยังได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง อาจจะกลับมามองบริษัทนี้ในช่วงปลาย 1Q24 ในช่วงที่ใกล้ดอกเบี้ยและตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมี Sentiment ที่ดีขึ้น เราจึงมองว่าในกลุ่มค้าปลีกในสหรัฐเราชอบ WMT ผลประกอบการของ SEA Ltd ค่อนข้างอ่อนแอโดยยอดขายยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แต่มีผลขาดทุนมากกว่าที่คาด รวมถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและธุรกิจเกมส์ที่ชะลอตัวลง นอกจากนั้นการแข่งขันที่สูงและมีโอกาสในการเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับคู่แข่งในหลายประเทศ เรามองว่าบริษัทเผชิญกับการแข่งขันที่สูงและเสียส่วนแบ่งทางการตลาด ทำให้การที่จะทำให้บริษัทมีกำไรนั้นมีจำกัด ธุรกิจเกมส์ก็ไม่มีเกมส์ใหม่ที่น่าสนใจทำให้เรามองว่า SEA Ltd มีความเสี่ยงเยอะ แนะนำมองไปที่ Amazon, Alibaba และ Pinduoduo ที่มีปัจจัยพื้นฐาน การกระจายตัวของรายได้ การเติบโตและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากกว่า |