บทสรุป |
ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัวขึ้นโดยได้แรงแรงหนุนจากการเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q23 แทนและซึบซับประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสไปในราคาระดับหนึ่ง กระแสเงินในวันที่ 13 ต.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ค่อนข้างผันผวน โดยล่าสุดมีแรงขายใน HY มองว่าเป็นความกังวลในการผิดนัดชำระหนี้จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่มีกระแสเงินไหลกลับเข้ากลุ่ม IG และพันธบัตรรัฐบาลจากความผันผวนในตลาดการเงินและความเสี่ยงสงคราม 2) ยังมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กหลังผลประกอบการของบริษัทขนาดเล็กออกมาดีกว่าที่คาด 3) มีแรงซื้อใน Consumer Staples และ Discretionary ที่บ่งชี้ว่าราคาปรับตัวลดลงแรงก่อนหน้านี้ 4) มีแรงซื้อเก็งกำไรกลุ่มพลังงานหลังก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาสที่ยืดเยื้อ 5) ตลาดหุ้น EM และจีนมีกระแสเงินไหลเข้าเก็งกำไรในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีน 6) มีแรงขายในตลาดยุโรปมองว่าเป็นเรื่องผลประกอบการที่ไม่ดีมากนัก Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลง 0.7% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 12.8% ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวลง 1bps ส่วนตราสาร HY ปรับเพิ่มขึ้น 3bps ขณะที่ตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนภาพรวมปรับตัวลดลงจากตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ช้ากว่าที่คาด นำโดยกลุ่มร้านอาหารที่ปรับตัวแรงสุดที่ 3.9% หากเปรียบเทียบผลประกอบการใน 3Q23 พบว่าผลประกอบการของสหรัฐมีแนวโน้มออกมาเติบโตดีกว่าฝั่งยุโรป ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มฟื้นตัวและยุโรปได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและฟื้นตัวมากกว่าสหรัฐ นอกจากนี้มองสหรัฐฯยังได้ผลจากรายได้และ FX มากกว่าอัตราการทำกำไร ซึ่งโดยส่วนใหญ่ของผลประกอบการของสหรัฐจะเป็นช่วงเวลาที่ 2 ใน 3 ของการเคลื่อนไหวราคาจะเกิดในช่วงประกาศผลประกอบการ ด้วยภาพในรูปแบบนี้ยังบ่งชี้ว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เพราะกลุ่มเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเยอะมีผลประกอบการที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ในขณะที่ความเสี่ยงของ 3Q23 คือผลกระทบของค่าเงินที่อาจจะส่งผลให้การเติบโตไม่เป็นไปตามคาด ยอดขาย iPhone 15 รุ่นใหม่ของ Apple ในจีนค่อนข้างชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ นอกจากนี้ยังสวนทางยอดขายของคู่แข่งอย่าง Huawei Technologies ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งออกมาในทิศทางเดียวกันกับคาดการณ์ของยอดขาย IPhone15 ที่ลดลงสวนทางยอดขายอาจเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในปี 2024 ขณะที่ภาพยอดขาย iPhone ในจีนอ่อนแอลงอย่างชัดเจนซึ่งสะท้อนได้ถึงอุปสงค์ที่ยังคงชะลอตัว โดยเรามองว่าเป็นผลมาจาก 1) ภาพแรงซื้อที่ยังคงมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว 2) การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่มีการเพิ่มฟีเจอร์และใช้ตัวชิปใหม่ซึ่งช่วยกระตุ้นภาพอุปสงค์ผู้บริโภคได้ดีกว่า Apple ที่มีการเปิดตัวตามหลัง ซึ่งเราเชื่อว่าความต้องการที่อ่อนแอของ Apple ในจีนในที่สุดจะนำไปสู่การจัดส่ง iPhone ทั่วโลกที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ในช่วงงบ 3Q23 ที่จะออกมา ประกอบกับภาพความเสี่ยง Geopolitical Risk ที่ยังไม่จบ ด้วยภาพนี้อาจทำให้ราคาหุ้นยังคงมี Downside และปรับตัวลงได้ |