บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหลังมีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นจีนและยุโรป นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใหญ่ที่ออกมาโตต่ำกว่าตลาดคาด กระแสเงินในวันที่ 15 พ.ย. 2023 1) ตราสารหนี้มีเงินไหลเข้าหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาดทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว กระแสเงินเริ่มน้อยลงและกระจุกตัวอยู่ในตราสารหนี้คุณภาพดีและตราสารหนี้ระยะยาว 2) มีแรงซื้อในกลุ่ม Healthcare หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง และมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะลดลง 3) มีแรงซื้อในหุ้นธีม Growth และ กลุ่มกลุ่มเทคโนโลยีจากแนวโน้มการฟื้นตัว 4) มีแรงขายในโลหะมีค่าหลังไม่มีความรุนแรงเพิ่มเติมในตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ 5) มีแรงขายในหุ้นขนาดเล็กและตราสารหนี้ High Yield ทั้งนี้มองเป็นภาพความร้อนแรงของตลาดที่ทำให้มีแรงขายทำกำไร 6) ตลาดเอเชียและตลาดยุโรปยังเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากแนวโน้มผลปนะกอบการที่ต่ำกว่าที่คาด Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลดลง 1.8% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 2.4% ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 1bps ส่วนตราสาร HY ปรับเพิ่มขึ้น 3bps ด้านตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนภาพรวมปรับตัวลดลง 0.8% ระยะสั้นราคาหุ้นค่อนข้างผันผวน กลุ่มท่องเที่ยวและเดินทางทางอากาศปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง มองว่าเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง ผลประกอบการของ Applied Materials ออกมาดีกว่าที่คาดและมีพัฒนาการของการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ดีบริษัทเผชิญแรงกดดันจากการตรวจสอบจากภาครัฐในการส่งสินค้าไปให้กับ SMIC ผ่านบริษัทลูกที่เกาหลีใต้ ซึ่งผิดข้อกำหนดของภาครัฐในการส่งสินค้าเทคไปยังจีน Walmart -8.1% ถึงแม้เผยงบเดือน F3Q24 ดีกว่าตลาดคาด โดยรายได้โต 5%YoY และยอดขายสาขาเดิมในสหรัฐฯ โต 5%YoY หนุนจากการบริโภคในกลุ่มสินค้าจำเป็น อย่างไรก็ดี 1) กำไรขั้นต้นชะลอการเพิ่มขึ้นแตะ 24%YoY หลังยังภาพการบริโภคยังคงชะลอตัวลง 2) ภาพการบริโภคนี้เป็นสิ่งที่บริษัทกังวลต่อเนื่องทำให้คาดว่าใน 4Q23 กำไรจะเพิ่มขึ้นมากกว่ายอดขายถึงแม้จะมี Sentiment บวกจากช่วงเทศกาลวันหยุด 3)บริษัทมีการปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ใน FY24 ขึ้นสู่โต 5-5.5%YoY จากเดิม 4-4.5%YoY อย่างไรก็ดีเป็นระดับที่ต่ำกว่าตลาดคาด และบริษัทมองรายได้จากการดำเนินงานจะเติบโตเร็วกว่ารายได้ตลอดทั้งปีเนื่องจากยังคงมีความกังวลต่อการใช้จ่ายในสหรัฐฯซึ่งทำให้บริษัทยังคงเน้นที่การควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง ด้วยสามปัจจัยนี้จึงทำให้ราคาหุ้นตอบสนองเชิงลบ Alibaba เผยงบ F2Q24 ดีกว่าตลาดคาด โดยรายได้โต 9%YoY และกำไรโต 19%YoY ประกอบกับ EBITDA +14%YoY หนุนจากธุรกิจ E-commerce ในต่างประเทศที่ยังคงเติบโต โดยเฉพาะ Lazada โตเด่น 56%YoY หลังได้รับประโยชน์จากการที่คู่แข่งอย่าง JD.com ออกจากตลาดในเอเชียหลายแห่ง อย่างไรก็ดี 1) กลุ่มคอมเมิร์ซในจีนซึ่งเป็นธุรกิจหลักยังคงปรับตัวลง 15%QoQ ซึ่งต่ำกว่าคาด 2) แผนการเสนอขาย Freshippo ผ่านการ IPO ที่ผิดหวัง 3) บริษัทยกเลิกแผนที่จะแยกธุรกิจคลาวด์ออกจากความกังวลต่อมาตรการจำกัดการส่งออกชิปของสหรัฐฯ ด้วยภาพนี้จึงทำให้หุ้น BABA ในสหรัฐฯ ปรับลงกว่า 9.1% ในช่วงคืนวานนี้ |
